สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 5 เม.ย. 61
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าของทั้งฝั่งสหรัฐและจีนนั้น น่าจะยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที ประกอบกับนายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า คณะทำงานของปธน.ทรัมป์ต้องการที่จะเจรจากับจีน มากกว่าที่จะประกาศสงครามการค้า ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่สหรัฐซึ่งจะเริ่มเปิดเผยในสัปดาห์หน้า รวมทั้งตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,264.30 จุด พุ่งขึ้น 230.94 จุด หรือ +0.96% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,644.69 จุด เพิ่มขึ้น 30.24 จุด หรือ +1.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,042.11 จุด เพิ่มขึ้น 100.83 จุด หรือ +1.45%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ซึ่งระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยนักลงทุนกังวลว่าข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายของ ECB
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ระดับ 367.33 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,957.90 จุด ลดลง 44.55 จุด หรือ -0.37% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,141.80 จุด ลดลง 10.32 จุด หรือ -0.20% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,034.01 จุด เพิ่มขึ้น 3.55 จุด หรือ +0.05%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า โดยล่าสุดรัฐบาลจีนได้เปิดเผยรายการสินค้ากว่า 100 รายการของสหรัฐที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า เพื่อตอบโต้สหรัฐที่ประกาศมาตรการเดียวกันในช่วงก่อนหน้านี้ โดยความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวได้หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,034.01 จุด ขยับขึ้นเพียง 3.55 จุด หรือ +0.05%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ร่วงลงสวนทางกับการคาดการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 63.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 68.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ อ่อนค่าของดอลลาร์ยังเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับสัญญาทองคำด้วยเช่นกัน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.9 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่ 1,340.2 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 13.8 เซนต์ หรือ 0.84% ปิดที่ 16.254 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 13.2 ดอลลาร์ หรือ 1.42% ปิดที่ 918.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 9.90 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 917.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ในวันพรุ่งนี้
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.2281 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2268 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4074 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4056 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7707 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7680 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 106.74 เยน จากระดับ 106.58 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9605 ฟรังก์ จากระดับ 0.9592 ฟรังก์