สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 10 เม.ย. 61
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐและจีนจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ก่อนที่จะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ลดแรงบวกในช่วงท้ายตลาด หลังจากวอชิงตัน โพสต์รายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ได้บุกเข้าตรวจค้นสำนักงานของนายไมเคิล โคเฮน ทนายความส่วนตัวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมกับยึดเอกสารต่างๆ ซึ่งรวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินให้กับนักแสดงสาวคนหนึ่งที่ถูกระบุว่ามีความสัมพันธ์กับปธน.ทรัมป์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,979.10 จุด เพิ่มขึ้น 46.34 จุด หรือ +0.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,613.16 จุด เพิ่มขึ้น 8.69 จุด หรือ +0.33% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,950.34 จุด เพิ่มขึ้น 35.23 จุด หรือ +0.51%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐและจีนจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ก่อนที่จะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า อย่างไรก็ตาม หุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียร่วงลงอย่างหนัก หลังจากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 375.30 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,263.39 จุด เพิ่มขึ้น 5.15 จุด หรือ +0.10% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,261.75 จุด เพิ่มขึ้น 20.48 จุด หรือ +0.17% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,194.75 จุด เพิ่มขึ้น 11.11 จุด หรือ +0.15%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่าข้อพิพาทระหว่างสองประเทศจะได้รับการคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาบ้านในอังกฤษที่พุ่งขึ้นเกินคาดในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,194.75 จุด เพิ่มขึ้น 11.11 จุด หรือ +0.15%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้เพิ่มความน่าดึงดูดให้กับสัญญาทองคำ นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐและรัสเซีย ยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 4 ดอลลาร์ หรือ 0.30% ปิดที่ 1340.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 16.7 เซนต์ หรือ 1.02% ปิดที่ 16.529 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 21.90 ดอลลาร์ หรือ 2.39% ปิดที่ 939.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 37.35 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 932.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดี นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันในเดือนมี.ค.ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.36 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 63.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.54 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 68.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า การร่วงลงของตลาดหุ้นในช่วงต้นปีนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาวะการเงินในยูโรโซน ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์ยังคงได้รับแรงกดดันข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2322 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2285 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4132 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4085 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7703 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7670 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 106.77 เยน จากระดับ 106.87 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9563 ฟรังก์ จากระดับ 0.9587 ฟรังก์