KAsset ปันผล RKF-HI2 จ่ายเงิน 17 เม.ย.นี้
KAsset ปันผล RKF-HI2 ในอัตรา 0.33 บาทต่อหน่วย จ่ายเงิน 17 เม.ย.นี้
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ บลจ.กสิกรไทย (KAsset) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมหุ้น ได้แก่ กองทุนเปิดรวงข้าวทวีผล 2 (RKF-HI2) ในอัตรา 0.33 บาทต่อหน่วย
สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 – 31 มีนาคม 2561 โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 2 เมษายน 2561 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 17 เมษายน 2561 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้น 21.45 ล้านบาท
“ด้านผลการดำเนินงานของกองทุน RKF-HI2 อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยประวัติการจ่ายปันผลนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนจนถึงการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ มีการจ่ายเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 24 ครั้ง รวมเป็นอัตรา 12.2590 บาทต่อหน่วย
ส่วนในรอบผลดำเนินงาน 1 ปีที่ผ่านมา (1 เม.ย. 60 – 31 มี.ค. 61) จ่ายปันผลรวมทั้งสิ้นในอัตรา 0.58 บาทต่อหน่วย หรือสามารถคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย (Dividend Yield) อยู่ที่ 11.60% ต่อปี ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 5.79% และผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 14.23% (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มี.ค 61)” นางสาวธิดาศิริกล่าว
สำหรับมุมมองด้านการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวน โดยปรับตัวลงแรงเมื่อวันที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุคาดว่ามาจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ความกังวลในเรื่องของ Trade war ระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ดูเหมือนจะเริ่มมีความรุนแรงและชัดเจนมากยิ่งขึ้นจากการประกาศตอบโต้จากทางฝั่งของจีนล่าสุด ที่มีการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ กว่า 100 รายการ
ทั้งนี้ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่ามาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าของทั้งฝั่งสหรัฐฯและจีนนั้น จะมีผลบังคับใช้เมื่อใด และทั้งสองฝ่ายจะสามารถเจรจากันได้หรือไม่
ขณะที่อีกหนึ่งปัจจัยมาจากภายในประเทศ จากการที่ธนาคารไทยปรับลดประมาณการการเติบโตจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (non-interest income) หลังจากที่ช่วงก่อนหน้าได้มีการประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมโอน ชำระสินค้าและบริการสำหรับการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้ของกลุ่มธนาคารในภาพรวม
อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทยยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะกลางถึงยาว เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ดี ซึ่งจะส่งผลให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้เม็ดเงินลงทุนภาครัฐโดยเฉพาะในโครงการขนาดใหญ่ที่เริ่มทยอยเข้าสู่ระบบจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนภาคเอกชนตามมา การบริโภคภายในประเทศที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจที่ขยายตัว รวมถึงสภาพคล่องในประเทศที่อยู่ในระดับสูง จะเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นไทย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกลุ่มธนาคารมีการปรับประมาณการรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลง อาจส่งผลให้ประมาณการเติบโตของกำไรของตลาดโดยรวมลดลง บลจ.กสิกรไทยจึงคาดว่าเป้าหมาย SET Index ปลายปี 2561 อาจมีการปรับลดลงมาอยู่ในช่วง 1,800 – 1,850 จุด บนปัจจัยพื้นฐานที่ระดับ P/E ปี 2561 ที่ประมาณ 16 – 16.5 เท่า ดังนั้นผู้ลงทุนยังสามารถอาศัยจังหวะทยอยเข้าลงทุนในกองทุนหุ้นไทยเพิ่มเติมได้