จับตาผู้ถือหุ้น PTT โหวตแตกพาร์ 1 บ.วันนี้ โบรกฯ วางเป้าใหม่ 60 บ.
จับตาผู้ถือหุ้น PTT โหวตแตกพาร์ 1 บ. จากเดิม 10 บ.วันนี้ ฟาก โบรกฯ วางเป้าใหม่ 60 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (12 เม.ย.) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มีกำหนดเปิดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 โดยต้องจับตาวาระสำคัญ คือ ขอผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) เป็นระดับ 1 บาท จากเดิม 10 บาท เพื่อเสริมสภาพคล่องหุ้นของบริษัท
โดยหากทางที่ประชุมผู้ถือหุ้นดำเนินการอนุมัติ จะส่งผลให้หลังแตกพาร์ไปแล้วจำนวนหุ้นของบริษัทจะปรับเพิ่มเป็นระดับ 28,562,996,250 หุ้น จากเดิมมีจำนวนหุ้นทั้งหมด 2,856,299,625 หุ้น ส่วนทุนจดทะเบียนจะยังคงเดิมที่ระดับ 28,562,996,250 บาท
ขณะที่แหล่งข่าวจากวงการเงิน เปิดเผยว่า วันนี้ต้องติดตามความเคลื่อนไหวการเปิดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของ PTT โดยมีวาระสำคัญ คือ เสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติแตกพาร์เป็น 1 บาท จากเดิม 10 บาท และหากได้รับอนุมัติเท่ากับหุ้น PTT จะเป็นรัฐวิสาหกิจรายที่ 2 ต่อจากทางบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ที่ใช้นโยบายแตกพาร์เพิ่มสภาพคล่องหุ้น
โดยในเบื้องต้นหลังจากผ่านการพิจารณาผู้ถือหุ้นไปแล้ว หุ้น PTT น่าจะเทรดหุ้นด้วยพาร์ใหม่ช่วงเดือน พ.ค.นี้ จึงถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้น PTT โดยตรง เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องหุ้นแล้วยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยเข้าซื้อขายหุ้นได้ง่ายขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าการซื้อขายรายวัน และเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นรายย่อย
นอกจากนี้ยังมีโอกาสสูงที่ราคาหุ้น PTT หลังแตกพาร์ไปแล้วจะทยอยเพิ่มขึ้นเหมือนกับกรณีของหุ้น AOT ที่หลังจากแตกพาร์แล้วราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนทำนิวไฮ ประกอบกับพื้นฐานของ PTT ในงวดปี 2561 ยังแข็งแกร่ง และมีโอกาสทำกำไรโตเกินระดับ 1 แสนล้านบาท
“วันนี้ต้องจับตาการประชุมผู้ถือหุ้นของ PTT ซึ่งหากผู้ถือหุ้นอนุมัติคาดจะได้เห็นหุ้น PTT เทรดด้วยพาร์ใหม่ในช่วงประมาณเดือน พ.ค.นี้ จึงถือเป็นประเด็นบวกโดยตรงต่อหุ้น และสามารถช่วยกระตุ้นราคาในกระดานได้ โดยหลังจากเทรดพาร์ใหม่ไปแล้วเชื่อว่าราคาหุ้นของ PTT น่าจะทยอยเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องเหมือนกับเคสของ AOT” แหล่งข่าว กล่าว
ขณะที่การสำรวจข้อมูลเพิ่มเติม พบว่า ล่าสุดภาพรวมนักวิเคราะห์ในตลาดได้กำหนดราคาเป้าหมายหุ้น PTT เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 600 บาท ดังนั้น จากฐานราคาเป้าหมายที่กำหนดไว้ 600 บาท หากอิงที่พาร์ใหม่จะเท่ากับหุ้น PTT มีราคาเป้าหมายอยู่ที่ระดับ 60 บาท
ด้านนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT เปิดเผยในช่วงที่ผ่านมาว่า กรณีที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติแตกพาร์เป็นระดับ 1 บาท จากเดิม 10 บาท โดยหากผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติแล้วจะสามารถซื้อขายด้วยราคาพาร์ใหม่ในช่วงต้นเดือน พ.ค. 2561
ส่วนสาเหตุการแตกพาร์ เพราะช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นของ PTT เคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 500 บาทต่อหุ้น ซึ่งตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า การซื้อหุ้นต้องมีขั้นต่ำจำนวน 100 หุ้น ทำให้จะต้องใช้เงินกว่า 50,000 บาทถึงจะซื้อหุ้นของ PTT ได้ และจากการปิดสมุดทะเบียนสัดส่วนของนักลงทุนรายย่อยลดลงเหลือเพียง 4% จากเดิม 6% ดังนั้นการแตกพาร์น่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของรายย่อยให้สูงขึ้นได้ และยังเปิดโอกาสให้คนไทยเข้ามาถือหุ้นบริษัทน้ำมันของไทย
นอกจากนี้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น จะพิจารณาวาระสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ แผนการจัดหาเงินกู้ 5 ปีของ ปตท. (ปี 61-65)จากแหล่งภายนอก ของ ปตท. ซึ่งรวมถึงวงเงินการกู้ยืม/ก่อหนี้ของ บริษัท ปตท. ศูนย์บริหารเงิน จำกัด (PTT TCC) เพื่อจัดหาแหล่งเงินทุนให้ ปตท.
โดยมี ปตท.ให้การค้ำประกัน โดยส่วนหนึ่งของแผนการจัดหาเงินกู้นี้เป็นวงเงินสำหรับการออกหุ้นกู้เทียบเท่า 150,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี (ปี 61-65) เพื่อใช้ในการลงทุน และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไป และ/หรือเพื่อทดแทนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระ (Refinance) ซึ่งจะพิจารณาดำเนินการในเวลาโอกาสที่เหมาะสมกับสภาวะตลาด
ตลอดจนพิจารณารับทราบความคืบหน้าของการปรับโครงสร้าง ปตท. รวมถึงแผนการเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (PTTOR) ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และการนำ PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งคณะกรรมการ รับทราบความคืบหน้าโดยให้ปตท. สร้างเครื่องหมายการค้าใหม่แบบผสมโดยมีรูปเปลวเพลิงเป็นหนึ่งในองค์ประกอบ เพื่อโอนขายให้ PTTOR
อนึ่ง การปรับเปลี่ยนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวเป็นไปเพื่อให้ PTTOR มีเครื่องหมายการค้าซึ่งมีกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์เป็นของตนเอง ซึ่งจะทำให้ PTTOR สามารถวางแผนการตลาด การใช้แบรนด์ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ต่อลูกค้าในธุรกิจการตลาดน้ำมันและค้าปลีกได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งคาดว่าการโอนกิจการจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3/61 และ PTTOR จะเริ่มเตรียมการเสนอขายหุ้นสามัญของ PTTOR ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และการนำ PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป