สังคมข่าวหุ้น
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,771.56 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 16.03 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 5 หมื่นล้านบาท * ขาเข้าซื้อสุทธิทางสถาบันเดินหน้าเข้าเก็บไป 1,700 ล้านบาท ตามด้วยบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 733 ล้านบาท ส่วนขาเทขายสุทธิรายย่อยสาดออก 2,095 ล้านบาท และต่างชาติอีก 338 ล้านบาท
นิวส์เวฟ
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,771.56 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 16.03 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 5 หมื่นล้านบาท * ขาเข้าซื้อสุทธิทางสถาบันเดินหน้าเข้าเก็บไป 1,700 ล้านบาท ตามด้วยบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 733 ล้านบาท ส่วนขาเทขายสุทธิรายย่อยสาดออก 2,095 ล้านบาท และต่างชาติอีก 338 ล้านบาท
* เริ่มกันด้วยหุ้นแรกวันนี้ขอเลือกไปที่ WHA-AMATA ถ้าสังเกตความเคลื่อนไหวช่วงเมื่อวานจะเห็นได้ชัดว่าช่วงภาคเช้ากับภาคบ่ายนี่อย่างกับคนละหุ้น ภาคเช้า WHA-AMATA ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามภาวะตลาด แต่ในช่วงภาคบ่ายหุ้นกอดคอวิ่งบวกแรงเต็มสปีด โดย WHA ปิดบวกไปเกือบ 7% มาอยู่ที่ 3.98 บาท ส่วน AMATA ซัดบวกไปเกือบ 7% เช่นกัน ปิดที่ 21.50 บาท ซึ่งทั้งสองหุ้นวอลุ่มแน่นตกตัวละเกือบ 1 พันล้านบาท
* สาเหตุหลักที่ทำให้ทั้งสองหุ้นวิ่งบวกไปได้ไกลเพราะได้รับปัจจัยหนุนสำคัญ 2 เรื่อง โดยเรื่องแรกคือยอดส่งเสริมลงทุนของบีโอไอช่วงไตรมาสแรกพุ่งทะลัก 333 โครงการมูลค่ารวมถึง 2 แสนล้านบาท สะท้อนให้เห็นชัดเจนเลยว่า งวดปีนี้ผู้ประกอบการต่างมีความเชื่อมั่นต่อนโยบายภาครัฐระดับสูง
* เรื่องที่สองกรณีทาง “แจ็ค หม่า” กลุ่มอาลีบาบาของจีน จะเดินทางมาไทยเซ็นเอ็มโอยูกับทางกระทรวงอุตสาหกรรม 4 ฉบับ เพื่อเดินหน้าลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในช่วงวันนี้ จึงเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ทั้ง 2 ประเด็นที่กล่าวมา ล้วนถือเป็นปัจจัยบวกโดยตรงต่อหุ้น WHA-AMATA และผลักดันให้ราคาหุ้นบวกแรงเป็นพิเศษนั่นเอง
* อย่างที่เคยแนะนำนักลงทุนมาเสมอว่า WHA-AMATA ถือเป็นกลุ่มหุ้นเด่นที่มีสตอรี่บวกหนุนชัดเจนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จึงได้แนะนำให้นักลงทุนเก็บติดพอร์ตไว้เสมอ งานนี้ ถ้าใครมีหุ้น WHA หรือ AMATA ในมือแล้วสบายใจได้เลยสามารถถือยาวกันต่อไปได้ เพราะดูเชิงแล้วท่าทางราคาหุ้นทั้งคู่ยังวิ่งไปต่อและเล่นกับสตอรี่ได้สบายๆ ส่วนคนที่ยังไม่มีในมือรอจังหวะย่อตัวแล้วเข้าเก็บจะดีกว่า
* ขณะที่ความเคลื่อนไหววงการตลาดหุ้น โดยตามที่กรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ 3 ท่าน ครบวาระการดำรงตำแหน่งวันที่ 27 พ.ค.นี้ คือ ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย และ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ โดยที่ประชุมสามัญสมาชิกประจำปี 2561 เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีมติเลือก นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ เป็นกรรมการอีกวาระหนึ่ง รวมทั้ง นายนรเชษฐ์ แสงรุจิ และ ดร.อนุชิต อนุชิตานุกูล เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีวาระ 2 ปี เริ่มวันที่ 28 พ.ค. 2561-27 พ.ค. 2563
* ทั้งนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ และนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ติดต่อกัน 2 วาระแล้ว ซึ่งตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรรมการจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 วาระไม่ได้
* ส่งท้ายด้วยหุ้น BANPU ถือเป็นหุ้นที่เซนซิทีฟกับประเด็นข่าวสารจริงๆ เมื่อวานแพนิคราคาหุ้นดิ่งลงหนักไปร่วม 5% ยังดีที่ช่วงท้ายมีแรงซื้อรับกลับมาช่วยพยุงหุ้นเลยปิดลบที่ 19.30 บาท ลดลงกว่า 4% มูลค่าการซื้อขายแน่น 3,588 ล้านบาท สำหรับแรงกดดันฉุดกระชากหุ้นมาจาก 3 ปัจจัยหลัก 1.รายงานข่าวจีนควบคุมนำเข้าถ่านหิน (ในบางท่าเรือ) 2.งบ Q1 ที่ทรุดเพราะบุ๊คค่าใช้จ่ายพิเศษคดีหงสา 3.ราคาหุ้นหลุดแนวรับสำคัญระดับ 19.60 บาท เจอ 3 ปัจจัยลบเข้าไปหุ้น BANPU ก็เลยกระอักอย่างที่เห็นนั่นแหละ
* เอาจริงๆ แล้วประเด็นงบไตรมาสแรกทรุดไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เพราะถือเป็นสิ่งที่ทุกคนทราบกันมาดีอยู่แล้ว แต่ปัจจัยลบใหม่คงเป็นเรื่องจีนควบคุมนำเข้าถ่านหิน ซึ่งยังต้องรอติดตามดูรายละเอียดเพิ่มเติมอีกต่อไป แต่สุดท้ายแล้วเอฟเฟกต์อาจไม่ได้รุนแรงเหมือนอย่างที่หลายคนกังวลไว้ หากวันนี้ยังไหลลงต่อจนหลุดระดับ 19 บาท น่าหาจังหวะทยอยเข้าสะสมเลยดีกว่า เพราะอย่าลืมภาพรวมพื้นฐานหุ้น BANPU ยังอยู่ในเกณฑ์ดีและพร้อมกลับเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่งวดไตรมาส 2 เป็นต้นไป