สังคมข่าวหุ้น
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,779.52 จุด ปรับลดลง 8.68 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 6.5 หมื่นล้านบาท
นิวส์เวฟ
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,779.52 จุด ปรับลดลง 8.68 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 6.5 หมื่นล้านบาท
* ผ่านมาแล้ว 2 วันสำหรับการแตกพาร์ของหุ้น PTT ก็ถือว่าทำได้ดีกว่าที่หลายคนคาดไว้มาก เพราะตามเดิมภาพรวมตลาดล้วนพากันมองว่า หุ้นปตท.จะต้องเจอแรงขายทำกำไรออกมาอย่างหนัก จนกดดันให้ราคาหุ้นถอยไปสู่ช่วงระดับก่อนวิ่งแรงรับประเด็นแตกพาร์ด้วยซ้ำไป แต่ล่าสุดเมื่อวานทำราคาปิดที่อยู่ 57.50 บาท (เทียบเท่า 575 บาท สมัยพาร์ 10 บาท) จึงสะท้อนให้เห็นชัดเจนเช่นกันว่า ในยามที่หุ้นปตท.เจอแรงขายทำกำไรออกมา ก็มีเงินจากอีกฝั่งหนึ่ง (รายย่อย ??) ที่พร้อมจะช้อนซื้อเป็นเจ้าของช่วยรับเช่นกัน
* แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม การแตกพาร์ในครั้งก็ถือว่าประสบความสำเร็จและเป็นโอกาสที่ดีของรายย่อยที่จะได้เป็นเจ้าของหุ้น PTT เพราะถ้าอิงตามพาร์เดิม 10 บาท เหมือนสมัยก่อน รายย่อยคนไหนๆ ก็คงส่ายหัวไม่ไหวที่จะเข้าเก็บ (ไม่ใช่พื้นฐานไม่ดีแต่ใช้ทุนสูงเกินจะเก็บ) ส่วนเรื่องราคาหุ้น ณ วันนี้ถูกหรือแพงนั้น คงขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ว่าเลือกมองด้วยปัจจัยอะไร โฟกัสที่ระยะสั้นหรือระยะยาว การลงทุนไม่มีถูกหรือผิดเหมือนแค่ขาวหรือดำ เพราะแต่ละคนล้วนมีมุมมอง-กลยุทธ์ที่ต่างกันออกไปทั้งนั้น
* เอาล่ะมาว่ากันด้วยเรื่องข่าวสารล่าสุดของ PTT กันหน่อย ตอนนี้มีประเด็นร้อนๆ ออกมา คือ กรณี PTT จะเข้าซื้อเอกสาร TOR โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน แต่สุดท้ายแล้วทางปตท.จะร่วมมือกับใครหรือจะลุยเดี่ยวหรือจะลงทุนหรือไม่นั้น?? ก็คงเป็นเรื่องในอนาคตที่ต้องจับตาดูต่อไป แต่สาระสำคัญของประเด็นนี้ที่หลายคนมองข้ามนั่นคือ กลุ่มปตท. ในขณะนี้กำลังเดินหน้าไปสู่การลงทุนรูปแบบใหม่ๆ และแตกต่างจากที่เคยเห็นในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ จึงตอกย้ำให้เห็นชัดเจนว่า ปัจจุบันทาง PTT กำลังอยู่ในช่วงกระจายความเสี่ยงธุรกิจ (รอบใหม่??) และกำลังหาช่องทางทำรายได้ใหม่เพิ่มขึ้น ไม่ได้ยึดอยู่แต่การเติบโตเพียงเฉพาะอุตสาหกรรมพลังงานเท่านั้น เช่นเดียวกับที่ผ่านมาซึ่งได้พยายามขยายการเติบโตธุรกิจนอนออยล์เต็มกำลัง ทั้งเร่งบุกตีตลาดกาแฟด้วยแบรนด์อเมซอน หรือ จะเป็นแผนลงทุนธุรกิจโรงแรมในปั๊มน้ำมัน จึงนับเป็นสตอรี่ที่น่าสนใจไม่เบานะ เพราะนี่เท่ากับสร้างจุดแตกต่างของหุ้นพลังงานที่เราเคยเห็นชินตาในตลาด และเมื่อขยับตัวก่อนก็ย่อมมีโอกาสชิงตลาดก่อนใครเหมือนกัน
* หุ้น WHA เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีสำหรับการเข้าสะสมหุ้นในช่วงหุ้นย่อตัวลงตามภาวะตลาด เพราะเมื่อสุดท้ายแล้วทันทีที่ภาวะตลาดเข้าสู่จุดสมดุล เชื่อเหอะในตอนนั้นภาพรวมจะหวนกลับมาโฟกัสที่ตัวพื้นฐานกันอีกครั้ง เมื่อใครมีพื้นฐานดี-สตอรี่เด่นแน่น ราคาหุ้นก็พร้อมดีดตัวแรงก่อนใคร
* แล้ว WHA ยังตุนประเด็นในมือไว้เพียบ ไม่ว่าจะเรื่อง EEC ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินในย่าน EEC มากถึงระดับหมื่นไร่ และแนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาสแรกที่มีโอกาสฟันกำไรทะลุ 600 ล้านบาท โตโดดเด่นเกิน 600% จากช่วงปีก่อน จึงถือเป็นของดีที่น่าเข้าหาจังหวะสะสมเป็นอย่างมาก
* ปิดท้ายด้วยหุ้นด้วยพื้นฐานแน่นรับมือตลาดหุ้นผันผวนได้ดี คือ LH โดยมีปัจจัยบวกหนุนถึง 2 เด้ง โดยเด้งแรกเป็นเรื่องเงินปันผลที่งวดล่าสุดประกาศจ่าย 35 สตางค์ กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในช่วงวันที่ 8 พ.ค.นี้ ดีดออกมาเป็นดิวิเดนด์ยีลด์สูงทะลุ 3% เลยทีเดียว เด้งสองแนวโน้มงบไตรมาสแรกที่มีโอกาสโตเด่นสวนกระแสหุ้นอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ แล้วในปีนี้ยังมีทีเด็ดเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง ดังนั้น หุ้น LH จึงถือเป็นคำตอบที่ดีเลยล่ะ