ผู้ถือหุ้นเตรียมเฮ! AIE ลุ้นรีซูมเทรดปลายปีนี้ หลังแก้งบฯปี 58 ผ่านฉลุย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) และ NP (Notice Pending) บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ AI และบริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน) หรือ AIE ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นอยู่ทั้งหมด 59% ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.2558 เป็นต้นมา จากกรณีที่ผู้สอบบัญชีไม่ให้ความเชื่อมั่นต่องบการเงินไตรมาสที่ 1-3 ปี 2558 ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต.อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ คงเครื่องหมาย SP และ “NC” (Non-Compliance) จนกว่า AI และ AIE จะสามารถแก้ไขให้พ้นเหตุเพิกถอน

ล่าสุด วานนี้ (26 เม.ย.61) AI และ AIE ได้ทำการแก้ไขงบการเงินไตรมาส 1-3 และงบการเงินปี 2558 (ฉบับที่ กลต.ให้แก้ไข) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ว่า” ภายหลังจากที่ AI และ AIE แก้ไขผลประกอบการช่วงไตรมาส 1-3 ของปี 58 รวมถึงงบการเงินรวมของปี 58 และทาง ตลท.ได้ตรวจสอบพร้อมได้รับการรับรองงบการเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับขั้นตอนต่อไป AI และ AIE จะต้องทำการแก้ไข และตรวจสอบผลประกอบการตั้งแต่ไตรมาส 1 ของปี 59 จนถึงงบปี 60 ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 4-5 เดือนในการส่งงบทั้ง 2 ปีออกมา เนื่องจากได้มีการแก้ไขงบการเงินที่มีปัญหาของปี 58 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เท่ากับว่างบปี 2559 และปี 2560 จะเป็นเพียงการปรับปรุงเพิ่มเติมจากการแก้ไขงบปี 58 เท่านั้น

ขณะที่งบปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ก่อนหน้านี้บริษัทฯได้นำส่งและได้รับการตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้านผู้สอบบัญชีบริษัท เอเอ็นเอส ออดิท จำกัด นายวิชัย  รุจิตานนท์ ได้แสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไข ตามที่บริษัทได้รับหนังสือจากฝ่ายตรวจสอบตลาดทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  ลงวันที่ 20 ม.ค. 2559 เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีผู้สอบบัญชี ไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินประจำปี 2557 ของบริษัท ซึ่งฝ่ายบริหารได้เข้าไปชี้แจงและตอบข้อซักถามกับทาง ก.ล.ต. แล้ว

ทั้งนี้ แหล่งข่าวรายดังกล่าว เชื่อว่า ภายหลังจากการแก้ไขงบการเงินที่เหลือเป็นที่เรียบร้อย จะส่งผลให้ AI และ AIE กลับเข้ามาซื้อขายได้ทันช่วงปลายปี 2561 โดยราคาซื้อขายวันสุดท้ายก่อนถูกขึ้นเครื่องหมาย SP เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2558 อยู่ที่ระดับ 0.67 บาทต่อหุ้น