SAWADร่วงหนัก 6 วันราคาทรุด 13% ยังหวั่นพ.ร.บ. ห้ามเก็บดบ.เกินอัตรา ผบห.ยันไม่กระทบธุรกิจ
SAWAD ร่วงหนัก 6 วันราคาทรุด 13% ยังหวั่นพ.ร.บ. ห้ามเก็บดบ.เกินอัตรา ผบห.ยันไม่กระทบธุรกิจ โดย ณ เวลา 14.40 น.อยู่ที่ระดับ 50.75 บาท ลบ 1.75 บาท หรือ 3.33% บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 226.23 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ณ เวลา 14.40 น.อยู่ที่ระดับ 50.75 บาท ลบ 1.75 บาท หรือ 3.33% บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 226.23 ล้านบาท โดยราคาอ่อนตัว 6 วันติด โดยนับตั้งแต่หุ้นอ่อนตัวจากระดับ 59.50 บาท จนถึงล่าสุดหุ้นอ่อนตัวลงแล้ว 13.02% โดยมีกระแสข่าวลือในห้องค้ากลับมาพูดถึงประเด็นพ.ร.บ.ห้ามเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรากันอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าเป็นประเด็นที่ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลอักครั้ง
ด้านผู้บริหาร น.ส.ธิดา แก้วบุตตา ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เปิดเผยว่า ประเด็นพ.ร.บ.ห้ามเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรานั้นไม่กระทบต่อธุรกิจการปล่อยสินเชื่อของบริษัท เนื่องจากบริษัทมีการเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้อยู่แล้ว
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า คาดมาจากความกังวลของตลาดใน 2 ปัจจัยคือ 1.ความกังวลจากผลกระทบพ.ร.บ. ห้ามเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา และ 2. ความกังวลจากการที่กระทรวงการคลังจะเข้ามาควบคุมการปล่อยสินเชื่อของ Non-bank
หากพิจารณาอัตราดอกเบี้ยตามประเภทสินเชื่อ พบว่าอัตราดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมสูงสุด (นอกจาก personal loan และ nano finance ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คือดอกเบี้ยของสินเชื่อโฉนดที่ดินแบบไม่จดจำนองที่ 1.19% ต่อเดือน หรือ 14.28% flat rate ต่อปี หรือ 25.39% effective rate ต่อปี
ซึ่งตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา บัญญัติให้ ห้ามเรียกเก็บดอกเบี้ยเกิน 15% ต่อปี โดยมิได้ระบุว่าเป็น flat rate หรือ effective rate และสามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมได้ตามความเหมาะสม โดยไม่ได้ระบุเพดานของค่าธรรมเนียม ซึ่งมองว่ากฏหมายยังมีความไม่ชัดเจน ดังนั้นการจะระบุว่าบริษัทใดทำผิดกฎหมายหรือไม่ คาดว่าจะอยู่ที่การพิจารณาและตีความของศาล
ดังนั้น ในอนาคตยังมีความเสี่ยงในเรื่องการตีความกฎหมายซึ่งอาจจะส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทที่ปล่อยสินเชื่อภายใต้สัญญาเงินกู้ อย่างไรก็หากเปรียบเทียบความเสี่ยงและอัตราดอกเบี้ยที่ธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลที่สามารถเก็บอัตราดอกเบี้ยได้ 18% และ 28% ดังนั้น จึงประเมินว่าโอกาสในการตีความของศาลให้อิงการคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 15% effective rate ยังน้อย
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SAWAD จะรายงานผลประกอบการที่ 637-700 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 8.2% -19% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการจะลดลง เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากช่วง 4Q17 ที่ 725 ล้านบาท ที่มีผลตอบแทนที่ลดลง และ Credit Cost ที่สูงกว่าปกติ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่นักลงทุนให้ความสนใจควบคู่ไปกับการเติบโตของสินเชื่อ และเรามองว่าโครงสร้างใหม่ของบริษัทน่าจะเสร็จสิ้นใน 1H18
ผลประกอบการหนุนโดย 1) สินเชื่อรวม BFIT ที่เพิ่มขึ้น 10% เทียบไตรมาสก่อนหน้า เป็น 2.43 หมื่นล้านบาท 2) ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นเป็น 28.5% จากเดิม 27.6% และ 3) การตั้งสำรองที่ลดลงเป็น 1.2% คาด SAWAD จะรายงานผลประกอบการในวันที่ 14-15 พ.ค. และคาดผลประกอบการ ไตรมาส 1/61 คิดเป็น 20-22% จากประมาณการทั้งปี
การปรับโครงสร้างของ SAWAD ทำให้ผลประกอบการต่ำกว่าคาด 2 ไตรมาส และราคาหุ้นลดลงจากสูงสุดที่ 73 บาท เป็น 52 บาท ต่ำสุด ทำให้ PER อยู่ที่ 19.1 เท่าสำหรับปี 2018F และ 17.4 เท่าสำหรับปี 2019F
โดยแนะนำให้รอดูผลประกอบการ 1H ที่อ่อนแอก่อนเริ่มสะสมหุ้น SAWAD ทั้งนี้ SAWAD จะขึ้นเครื่องหมาย XD หุ้นปันผลในอัตราส่วน 18 : 1 ในวันที่ 3 พ.ค. และทำให้มูลค่าที่เหมาะสมของลดลงจากปัจจุบัน 65 เป็น 61.5 บาท (GGM) หลังการขึ้นเครื่องหมาย XD แนะนำ “ถือ”