สังคมข่าวหุ้น
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,791.13 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 11.02 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 5.6 หมื่นล้านบาท
นิวส์เวฟ
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,791.13 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 11.02 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 5.6 หมื่นล้านบาท
* ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้ากับช่วงบ่ายอย่างกับหนังคนละเรื่อง โดยภาคเช้าปิดตลาดในแดนลบที่ 1,775.09 จุด ลดลง 5.02 จุด ซื้อขายกันอย่างเบาบางเพียง 2.2 หมื่นล้านบาท แต่เข้าสู่ช่วงบ่ายพี่ SET กลับมาทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง และไปเร่งสปีดเต็มขั้นในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดตลาด ซึ่งกลุ่มหุ้นพลังงานที่เป็นผู้ร้ายกดตลาดช่วงเช้า เลือกพลิกบทบาทเป็นพระเอก (ตัวจริง) ทำราคาเพิ่มขึ้นจนช่วยหนุนให้ SET ปิดการซื้อขายในแดนบวกได้
* สะท้อนให้เห็นชัดเจนเลยว่า ปัจจุบันความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยอยู่ในมือกลุ่มหุ้นพลังงานเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในแดนบวกหรือแดนลบล้วนมีเอฟเฟกต์ต่อ SET ระดับสูงทั้งสิ้น ดังนั้น คนที่นิยมลงทุนในหุ้นบลูชิพที่ราคาเคลื่อนไหวสอดคล้องภาวะตลาด ต้องอย่าลืมติดตามปัจจัยบวก-ลบต่าง ๆ ของหุ้นพลังงานและภาวะตลาดด้วย
* เริ่มกันด้วยหุ้นแรกวันนี้โฟกัสไปที่หุ้น CKP ล่าสุดรับประเด็นบวกน่าสนใจกรณี “ทริสเรทติ้ง” ประกาศให้อันดับเครดิตองค์กรสูงถึงระดับ “A” โดยสาระสำคัญที่ทริสให้น้ำหนักมีอยู่ 2-3 ปัจจัยหลัก คือ ภาพรวมธุรกิจบริษัททั้งฐานกำลังผลิตไฟฟ้า ฐานะการเงิน ผลการดำเนินงานล้วนมีพัฒนาการดีขึ้นต่อเนื่อง และอีกเรื่องเป็นความคืบหน้าของโครงการไซยะบุรีที่ปัจจุบันผ่านการก่อสร้างไปแล้วกว่า 90% (ณ เดือน ก.พ.)
* สำหรับไซยะบุรีตอนนี้คืบหน้าไปอย่างมาก จนทริสฯ ถึงขั้นใช้คำว่า ผ่านช่วงการก่อสร้างที่มีความเสี่ยงสูงไปแล้ว พร้อมกับประเมิน โครงการนี้จะสร้างรายได้ 15,000 ล้านบาท ทำอีบิทด้ามากถึง 13,000 ล้านบาท/ปี และจากสัดส่วนการลงทุนของบริษัทที่ระดับ 37.5% จึงคาดจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรถึงประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาทต่อปี และยังได้รับปันผลพ่วงอีก 400-800 ล้านบาทต่อปี
* ดังนั้น จากประเด็นนี้จึงถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้น CKP ในระยะสั้น และหาก CKP ทำได้สำเร็จจริงจะถือเป็นการเปลี่ยนโฉมพื้นฐานบริษัทแบบครั้งใหญ่ ทำให้ราคาหุ้นนับจากนี้ไปจะได้แรงหนุนความคืบหน้าโครงการไซยะบุรีมาสนับสนุนแบบรายทาง ส่วนภาพรวมงบปี 2561 มีลุ้นเติบโตได้ดีเช่นกัน ซึ่งทริสฯ คาดจะทำอีบิทด้าปีนี้พุ่งแตะ 4,000 ล้านบาท จึงถือเป็นหุ้นดีแต่หลายคนมองข้าม
* หุ้น MEGA ถือเป็นหุ้นพื้นฐานสวยที่เคยแนะนำนักลงทุนกันมาเรื่อย ๆ เมื่อวานซิ่งบวกแรงไปกว่า 3% ทำราคาปิดบวก 42.50 บาท ช่วงนี้ได้แรงหนุนจากงบไตรมาสแรกที่ใกล้ประกาศเต็มที ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาดประมาณช่วงปลายสัปดาห์หน้าน่าจะแจ้งงบออกมาเป็นทางการแล้ว โดยล่าสุด โบรกฯ คาดจะมีโอกาสทำกำไรเติบโตทะลุ 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มสูง รวมถึงสินค้าใหม่ที่ส่งมาตีตลาดล้วนประสบความสำเร็จอย่างดี วันนี้ อาจเจอแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง (หลังจากปรับขึ้นแรง) แต่ระยะยาวยังวิ่งต่อไปได้อีกสบาย ราคาเป้าหมาย 49 บาท
* ปิดท้ายด้วย MAJOR ตั้งแต่หนังฟอร์มยักษ์ “Avengers: Infinity War” เข้าฉาย ได้ดึงดูดให้วอลุ่มซื้อขายเข้ามาหนาแน่นแบบมีนัยสำคัญ นอกจากหุ้นจะได้เซนติเมนท์บวกจากตัวหนังที่ได้รับความนิยมแล้ว แต่ในเชิงพื้นฐานปี 2561 ยังถือเป็นงวดปีที่มีโอกาสเติบโตแข็งแกร่ง เพราะช่วงไตรมาสแรกนี่งบมีโอกาสโตสูง เนื่องจากมีหนังใหญ่ทำเงินเข้าฉายหลายเรื่อง เช่น Pacific rim หรือ Ready player one ส่วนไตรมาส 2 จะได้หนังชูโรงอย่าง Avengers: Infinity War ที่ฟอร์มร้อนแรงจนทำรายได้ทุบสถิติ (ตั้งแต่ฉายวันแรก) จากนั้นยังมีหนังชั้นดีรอเข้าคิวฉายต่อไปทั้ง Jurassic world และ Star war จึงเหมือนล็อกเป้าการันตีให้งบเติบโตโดดเด่น ใครกำลังเบื่อหุ้นหน้าเดิม ๆ อยากเล่นหุ้นนอกกระแส แต่ต้องมีพื้นฐานดีรองรับ MAJOR เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจเลยล่ะ *