PTTEP บวกยาว 6 วันติด ทำนิวไฮในรอบกว่า 3 ปี รับผลดีราคาน้ำมันดิบพุ่ง
PTTEP บวกยาว 6 วันติด ทำนิวไฮในรอบกว่า 3 ปี รับผลดีราคาน้ำมันดิบพุ่ง-ตัวเต็งประมูล “บงกช-เอราวัณ” โดยล่าสุด ณ เวลา 11.04 น. อยู่ที่ระดับ 139.50 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท หรือ 1.45% สูงสุดที่ระดับ 140.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 138.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1 พันล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ณ เวลา 11.04 น. อยู่ที่ระดับ 139.50 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท หรือ 1.45% สูงสุดที่ระดับ 140.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 138.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้น PTTEP ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 นับตั้งแต่ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 132.50 บาท เมื่อวันที่ 26 เม.ย.61 อีกทั้งยังปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดอีกครั้งในรอบกว่า 3 ปี นับตั้งแต่ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 144.50 บาท เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2557
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ไอร่า ระบุว่า PTTEP เป็นหนึ่งในหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.29 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อยู่ที่ 69.72 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากการคาดการณ์ว่าสหรัฐฯอาจใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่ออิหร่าน
โดยต้องติดตามท่าทีของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งมีเวลาถึงวันที่ 12 พ.ค.61 ว่าจะถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ชาติมหาอำนาจทำไว้กับอิหร่านหรือไม่ โดยหากมีการประกาศถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว จะทำให้อิหร่านไม่สามารถส่งออกน้ำมันสู่ตลาด และเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ PTTEP ยังเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมประมูลสัมปทานปิโตรเลียมแหล่งบงกช-เอราวัณ ซึ่งจะมีการประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติในวันที่ 28 พ.ค.นี้ โดยจะทราบผลประมูลในเดือนธ.ค. 61 และลงนามสัญญาก.พ.62 ซึ่งคาดว่า PTTEP มีความได้เปรียบผู้ประกอบการรายอื่น เนื่องจากเป็นผู้ประกอบการเดิม มีความเชี่ยวชาญในการผลิตอยู่แล้ว ประกอบกับเงื่อนไขการประมูลยังให้น้ำหนักกับความมั่นคงต่อเนื่องในการผลิต
ด้านผลการดำเนินงานของ PTTEP ในปี 61 ประเมินว่ายังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยคาดปริมาณผลิตเฉลี่ยที่ 3 แสนบาร์เรล/วัน ใกล้เคียงกับปี 60 พร้อมคาดราคาก๊าซฯ จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบ โดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่ 72 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่แต่เดือนพ.ย.57 และคาดกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังคงให้ความร่วมมือในการลดกำลังการผลิตต่อไปในปี 61