ETE ขาขึ้นรอบใหม่ 2 สัปดาห์หุ้นพุ่ง 23% ชี้แผนธุรกิจเด่นปักธงปี 63 รายได้แตะ 3.4 พันลบ.
ETE ขาขึ้นรอบใหม่ 2 สัปดาห์หุ้นพุ่ง 23% ชี้แผนธุรกิจเด่นปักธงปี 63 รายได้แตะ 3.4 พันลบ. โดย ณ เวลา 15.53 น. อยู่ที่ระดับ 2.48 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 5.08% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 8.27 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ETE ณ เวลา 15.53 น. อยู่ที่ระดับ 2.48 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 5.08% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 8.27 ล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตลอด 2 สัปดาห์ โดยนับตั้งแต่หุ้นปรับตัวที่ระดับ 2.02 บาท เมื่อวันที่ 20 เม.ย. จนถึงล่าสุดหุ้นปรับตัวขึ้นแล้ว 22.77%
อนึ่งก่อนหน้านี้ นายไรวินท์ เลขวรนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายปี 63 จะขึ้นไปแตะระดับ 3,400 ล้านบาท จากการเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ทั้งการขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ การเพิ่มสินค้าและบริการให้มากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และพัฒนาฐานลูกค้าใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจเดิม และต่อยอดไปสู่ธุรกิจใหม่ รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าควบรวม หรือซื้อกิจการเพิ่มเติมด้วย
“การเติบโตของเราใน 3 ปี ข้างหน้าจะเป็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งการเติบโตที่เป็น Organic Growth และการเติบโตในลักษณะพิเศษ ซึ่งปัจจุบันเราอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของการขยายธุรกิจในหลากหลายรูปแบบ เพื่อเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ และเป็นการขยายโอกาสเพื่อต่อยอดธุรกิจในปัจจุบัน”นายไรวินท์ กล่าว
สำหรับปีนี้บริษัทคาดว่ายอดขายจะเติบโตขึ้น 20% ไปเป็น 2,300 ล้านบาท จากระดับ 1,580.25 ล้านบาทในปีก่อน จากการเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบทั้งธุรกิจบริการ บริหารจัดการบุคลากร ธุรกิจบริการบริหารจัดการระบบงานธุรกิจ ธุรกิจบริการงานวิศวกรรม ธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ รวมไปถึงธุรกิจจัดหา และจัดจำหน่ายอุปกรณ์ความปลอดภัยซึ่งถือว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ในปีนี้จะมาจากธุรกิจบริการบริหารจัดการบุคคล และธุรกิจบริหารจัดการระบบธุรกิจ 40% และอีก 50% มาจากบริการงานวิศวกรรม และอื่นๆ 10%
ปัจจุบัน บริษัทตุนงานในมือ (Backlog) ราว 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 90% ของมูลค่างานทั้งหมด พร้อมทั้งอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่รวม 14,000-15,000 ล้านบาท คาดหวังจะได้งานไม่ต่ำกว่า 20% ของมูลค่าที่เข้าประมูลทั้งหมด เป็นงานกลุ่มวิศวกรรมไฟฟ้า คือ โครงการนำสายไฟฟ้าลงดินและสถานีไฟฟ้าย่อย ในจังหวัดต่างๆ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่าราว 8,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นงานบริหารจัดการบุคคล รวมถึงบริหารจัดการระบบธุรกิจ จะทยอยรู้ผลภายในปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมจะขยายงานไปยังด้านการติดตั้งโซลาร์รูฟให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้า คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 2/61