PLANB รายได้Q1นิวไฮ 805ลบ. จ่อเปิดตัวป้ายโฆษณาใหม่กลาง Central world ดันยอดขายโต3.5พันลบ.

บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) (มหาชน) หรือ PLANB  รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/61 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 61 มีกำไรสุทธิดังนี้

โดยบริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีรายได้รวมเติบโต 16.2% มาที่ 804.5 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 692.3 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ต่อไตรมาสที่สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ซึ่งมาจากการเติบโตของสื่อโฆษณาทุกประเภท นอกจากนี้ บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้ดี โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน

ด้าน นายพินิจสรณ์ ลือชัยขจรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ PLANB  เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/61 บริษัททำสถิติรายได้สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ซึ่งเป็นผลจากอัตราการใช้สื่อโฆษณาที่ปรับตัวขึ้นกว่า 68% เทียบกับปีก่อนที่ระดับ 61% จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว

นอกจากนี้สื่อโฆษณาทุกประเภทยังมีการปรับตัวที่ดีในด้านของรายได้ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จของการขยายสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยที่มีความหลากหลายและประสิทธิภาพสูงจนสามารถเข้าถึงเม็ดเงินโฆษณาได้ดีกว่าสื่อโฆษณาประเภทอื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบกับการหดตัวของค่าใช้จ่ายโฆษณาโดยรวมที่มีมูลค่าลดลง 7% ในไตรมาสแรกของปีนี้

อีกทั้ง บริษัทยังสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีจากการประหยัดต่อขนาดและการค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนจากบริษัทลูกที่ควบรวมในช่าง 2-3 ปีที่ผ่านมา และถึงแม้ในปี 2560 บริษัทได้ลงทุนเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวน 372 ล้านบาทแต่ค่าเสื่อมราคายังสามารถลดลงจากไตรมาส 4 ปี 2560 กว่า 2.7% ซึ่งเกิดจากทรัพย์สินจอภาพดิจิตอลที่มีระยะเวลาการตัดค่าเสื่อมเฉลี่ย 5-6 ปี ซึ่งถูกตัดค่าเสื่อมจนหมดแต่สินทรัพย์ดังกล่าวยังคงสามารถใช้งานได้อย่างดีและไม่จำเป็นต้องลงทุนเพื่อเปลี่ยนทดแทน

สำหรับปี 2561 บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถรักษาการเติบโตของรายได้ในระดับ 15-20% เพื่อสร้างยอดขายในระดับ 3,500 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิในระดับ 18-20% ตามเป้าหมายประจำปีของบริษัท ทั้งนี้เป็นผลมาจากการขยายธุรกิจตามแผนงานประจำปี โดยเฉพาะการขยายธุรกิจสื่อโฆษณาโดยการเติบโตภายใน (Organic growth) ตามแผนงานเพื่อพิ่มพื้นที่ให้บริการสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยครบวงจร (Media Capacity) เพิ่มขึ้นอีก 10-15% รวมเป็นพื้นที่ให้บริการสื่อโฆษณากว่า 4,700 ล้านบาทต่อปี (ไม่รวมพื้นที่สื่อโฆษณาจากการควบรวม M&A)

โดยในเดือน มิ.ย. 61 บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการ Central world connect ซึ่งเป็นจอ Interactive DOOH ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นจอแรกในทวีปเอเชียด้วยขนาดเกือบ 4,000 ตารางเมตร และงบลงทุนกว่า 400 ล้านบาท มาพร้อมการแสดงโชว์ที่ตั้งใจทำให้กรุงเทพเป็นเหมือน Time square ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทำให้เราสามารถดึงลูกค้าที่เป็น global brand ระดับโลกได้มาก โดย Central World Connect ซึ่งมีกำลังการผลิตสื่อโฆษณา (Media Capacity) 200 ล้านบาทต่อปี ในขณะนี้มีลูกค้าจองพื้นที่โฆษณาแล้วกว่า 80%

ส่วนความคืบหน้าการลงทุนในบริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (“บีเอ็มเอ็น”) เบื้องต้นได้ร่วมพัฒนาความร่วมมือกันเพื่อนำสื่อโฆษณาในระบบรถไฟฟ้า MRT มารวมขายเข้ากับเครือข่ายสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยของแพลนบีที่มีอยู่ทั่วกรุงเทพฯ และได้ช่วยเพิ่มอัตราการใช้สื่อ (Utilization Rate) ของทั้ง 2 บริษัทให้สูงขึ้น โดยช่วยเพิ่มอัตราการใช้สื่อโฆษณาในระบบขนส่งมวลชนของแพลนบีในไตรมาส 1 ปี 2561 ให้สูงขึ้นเป็น 64% จาก 59% ของไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า

โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการร่วมพัฒนารูปแบบของสื่อโฆษณาในระบบรถไฟฟ้า MRT ในส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทั้งส่วนที่ 1 (วัดมังกร-หลักสอง) และส่วนที่ 2 (เตาปูน-ท่าพระ) เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้บริการบนเครือข่าย MRT อีก 18 สถานีเป็นระยะทางเพิ่มเติม 29 กิโลเมตร รวมเป็นทั้งสิ้น 38 สถานี ระยะทาง 47 กม. ซึ่งส่วนต่อขยายทั้งหมดจะเปิดให้บริการในปี 2563 และรวมกำลังการผลิตสื่อทั้งหมดในระบบรถไฟฟ้า MRT เมื่อแล้วเสร็จทุกโครงการคิดเป็นประมาณ 1,200 – 1,500 ล้านบาทต่อปี