ดอลล์ฯแข็งค่ารับบอนด์ยีลด์พุ่ง ฉุดราคาทองคำดิ่ง 3 วันติดต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ารับบอนด์ยีลด์พุ่ง-เฟดขึ้นดอกเบี้ยหนุน ฉุดราคาทองคำตลาด COMEX ดิ่ง 3 วันติด ทำจุดต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์ก โดยได้ปัจจัยหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.33 เยน จากระดับ 109.64 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0019 ฟรังก์ จากระดับ 1.0000 ฟรังก์
ขณะที่ ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1850 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1943 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3510 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3568 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7473 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7529 ดอลลาร์สหรัฐ
โดย ดอลลาร์ได้รับปัจจัยบวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐที่พุ่งขึ้นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2554 โดยดีดตัวสู่ระดับ 3.059% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.189% เมื่อคืนนี้
สำหรับปัจจัยที่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นนั้น มาจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐเมื่อคืนนี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ดีดตัวสู่ระดับ 20.1 ในเดือนพ.ค. สูงกว่าระดับ 15 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดขายน้ำมันเบนซิน
ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินพุ่งขึ้นตามไปด้วย ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อดอลลาร์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับอัตราเงินกู้จำนอง และอัตราดอกเบี้ยตราสารหนี้ และเครื่องมือทางการเงินในระบบ
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ โดย CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 51% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนยังคาดว่า เฟดมีโอกาส 95% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. และมีโอกาส 81.4% ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
โดยนักลงทุนยังคงจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-การใช้กำลังการผลิตเดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนพ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย
ขณะที่ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) โดยสัญญาทองคำปิดในแดนลบติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดน้อยลง หลังสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำเช่นกัน
โดย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 27.9 ดอลลาร์ หรือ 2.12% ปิดที่ 1,290.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว