สังคมข่าวหุ้น
* เมื่อวานพี่ SET เจอแรงกดดันมหาศาลจากหุ้นพลังงาน โดยเฉพาะหุ้น PTT เพราะแค่รายเดียวกวาดมูลค่าการซื้อขายตลอดวันไปกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท พร้อมกับทำราคาปิดลบที่ 53.50 บาท ลดลงไปกว่า 3% เท่ากับรวม 2 วันทำปิดลบหนักไปแล้ว 6%
นิวส์เวฟ
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,753.60 จุด ปรับลดลง 7.11 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 6.4 หมื่นล้านบาท
* เมื่อวานพี่ SET เจอแรงกดดันมหาศาลจากหุ้นพลังงาน โดยเฉพาะหุ้น PTT เพราะแค่รายเดียวกวาดมูลค่าการซื้อขายตลอดวันไปกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท พร้อมกับทำราคาปิดลบที่ 53.50 บาท ลดลงไปกว่า 3% เท่ากับรวม 2 วันทำปิดลบหนักไปแล้ว 6% โดยปัจจัยลบที่เข้ามาป่วนหุ้น PTT ล่าสุด มาจากกรณีทางกระทรวงพลังงานจะออกมาตราการตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกินระดับ 30 บาท หลังจากล่าสุดน้ำมันดีเซลวิ่งขึ้นมาป้วนเปี้ยนเฉียด 30 บาท เต็มทีแล้ว
* หลายคนอาจงงว่า ถ้าตรึงดีเซลแล้วเหตุใดหุ้น PTT ถึงไปโดนแรงขายถล่มเอาซะขนาดนี้ เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่อภาครัฐหวนกลับมาใช้นโยบายตรึงราคาพลังงาน นั่นเท่ากับว่าเหมือนเป็นการย้อนแย้งสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้เคยโฟกัสเสมอมา ซึ่งมุ่งเน้นนโยบายปรับโครงสร้างราคาเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง งานนี้ ภาพรวมตลาดก็เลยตีความและมองว่านี่อาจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงใหม่ต่อ PTT อีกครั้ง เพราะขนาดรอบนี้ยังมีนโยบายตรึงราคา แล้วในอนาคตล่ะจะออกนโยบายอะไรมากระทบ PTT และกดดันผลประกอบการเหมือนสมัยแบกภาระ NGV อีกหรือไม่ ??
* แน่นอน PTT เป็นรัฐวิสาหกิจจึงมีภารกิจต้องดูแลพลังงานให้กับประชาชน แต่ด้วยอีกขานึงก็เป็นบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เหมือนกัน เมื่อเกิดปัจจัยลบขึ้นมาแรงขายลดความเสี่ยงมหาศาลก็เลยสาดออกมาในกระดานทันทีแบบไม่ต้องนัดหมาย เพราะอย่าลืมสมัยแบกภาระ NGV นั่นก็ปาเข้าไปไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปีกว่าจะปลดล็อกได้ ดังนั้น คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่ภาพรวมตลาดเขาจะกังวลและเลือกขาย PTT เพื่อลดความเสี่ยงไปก่อน
* ฟากผู้บริหาร ปตท. “เทวินทร์ วงศ์วานิช” ล่าสุดออกมากล่าวถึงกรณีหุ้น PTT กำลังเผชิญแรงขายหนักว่า ขอให้ทางนักลงทุนอย่าเพิ่งตื่นตระหนกกันเกินไป เพราะมาตรการของกระทรวงพลังงานนั้นเป็นเพียงการใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเข้ามาบริหารจัดการเท่านั้น ดังนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อ PTT และยังสามารถลงทุนในหุ้น ปตท.แบบระยะยาวต่อไปได้เช่นเคย ส่วนฝั่งวงการเงินมองแบบตรงข้าม โดยแนะนำให้ขาเล่นระยะสั้นให้ “ชะลอลงทุนชั่วคราว” เพราะเซนติเมนต์ลบเข้ามากดดันยังไม่คลี่คลายในระยะสั้นแน่ ส่วนขาระยะยาวต้องรอย่อตัวมาก ๆ สถานเดียวถึงจะปลอดภัยมากที่สุด
* หุ้น MINT เป็นอีกรายที่เมื่อวานราคาหุ้นดิ่งหนักเกือบ 5% หลังจากแจ้งตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการว่า ขณะนี้ทางบริษัทลูกได้เข้าซื้อหุ้น NH Hotel Group SA. ซึ่งเป็นเจ้าของและทำธุรกิจโรงแรม 382 โรงแรม ในทวีปยุโรป อเมริกา และแอฟริกา มูลค่ารวม 7,405 ล้านบาท จากทางกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม “Oceanwood” โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายการลงทุนธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศ
* งานนี้ เข้าใจว่าที่ราคาหุ้นปรับลงหนักมากหลังจากแจ้งตลาด เพราะมี 2 ปัจจัยหลัก 1.ยังไม่เชื่อมั่นในดีลลงทุนนี้จะส่งผลบวกให้บริษัทได้มากน้อยเพียงใด พูดง่าย ๆ ก็คือ ยังไม่เห็นภาพชัด ๆ นั่นแหละ 2.หวั่นเกรงว่า MINT จะต้องทำการเพิ่มทุนกันหรือไม่ ? เพราะต้องใช้เงินลงทุนมากกว่า 7 พันล้านบาท ซึ่งหลังจากที่ MINT ประกาศออกมา “นิวส์เวฟ” ก็เลยไปลองส่องดูมุมมองของนักวิเคราะห์หลายแห่ง ปรากฏว่า ส่วนใหญ่มองมาในทางเดียวกันว่า “ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน”
* เพราะระดับ D/E บริษัทเดิมอยู่แถว 0.95 เท่า หลังทำดีลน่าจะขยับขึ้นมาเป็นเพียง 1.1-1.2 เท่า จึงยังต่ำกว่าระดับเพดานที่บริษัทตั้งไว้ 1.75 เท่า อยู่มากโข และในขณะเดียวกันทาง MINT เองจะได้เงินปันผลจาก NH Hotel Group เข้ามาและช่วยลดภาระการจ่ายดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน ดังนั้น ถ้าดูตามข้อมูลที่ประเมินกันออกมาแบบนี้แล้ว แฟนคลับหุ้น MINT ทั้งหลายก็คงสบายใจขึ้นได้ แต่ถ้าจะให้โล่งใจแบบสุด ๆ ก็หวังว่า ในส่วนของ MINT จะออกมาสื่อสารข้อมูลหรืออธิบายให้เห็นภาพมากกว่านี้ด้วยเช่นกัน เพราะถือเป็นเสียงสำคัญที่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนที่กำลังเฝ้ามอง (รอเก็บหุ้น) อยากได้ยินมากที่สุดในตอนนี้