TU ควักเงินจ่ายยอมความปิดคดี “วอลมาร์ท” งบฯ Q2 เสี่ยงวูบหนักเหตุตั้งสำรองฯ อ่วมพันล้าน!
TU ควักเงินจ่ายยอมความปิดคดี “วอลมาร์ท” งบฯ Q2 เสี่ยงวูบหนักเหตุตั้งสำรองฯ อ่วมพันล้าน!
สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2560 บริษัทวอลมาร์ท ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ทูน่ากระป๋องในประเทศสหรัฐฯ ได้ทำการยื่นฟ้องไตร-ยูเนี่ยนและกลุ่มบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ในประเทศสหรัฐฯ รวมถึงฟ้องบัมเบิ้ลบีฟู้ดส์ สตาร์คิสแอนด์โค และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้อีก 57 รายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการตั้งราคาขาย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2561 Tri-U ได้ประกาศว่า สามารถบรรลุข้อตกลงกับวอลมาร์ท ในคดีความเรื่องการแข่งขันทางการค้าซึ่งถูกฟ้องก่อนหน้านี้ ภายใต้ข้อตกลงร่วมกันว่า Tri-U จะต้องชำระเงินสดให้กับวอลมาร์ท และ Tri-U จะเข้าร่วมโครงการที่จัดทำขึ้นร่วมกัน อาทิเช่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ และการทำโปรโมชั่นสินค้าใหม่ๆ ในร้านของวอลมาร์ท
ด้าน บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” TU ให้ราคาเป้าหมาย 22.50 บาทต่อหุ้นหุ้น โดยถึงแม้ว่าการตกลงยอมความในคดีความระหว่าง TU และวอลมาร์ทที่เกี่ยวข้องกับการฝ่าฝืนกฎหมายการแข่งขันทางการค้าในเดือนพ.ค. จะส่งผลให้ TU ต้องทำการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ในไตรมาส 2/61 แต่ประเมินว่าเป็นเพียงแค่ปัจจัยลบระยะสั้นที่บันทึกครั้งเดียว
ขณะที่กำไรหลักของ TU มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 2/61 และไตรมาส 3/61 จากความสำเร็จในการเจรจาปรับเพิ่มราคาขายสำหรับผลิตภัณฑ์แบรนด์ รวมถึงต้นทุนสินค้าคงคลังเฉลี่ยและราคาต้นทุนวัตถุดิบที่สมดุลกันมากขึ้น จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หนุนโดยกำไรหลักที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนตั้งแต่ไตรมาส 2/61 เป็นต้นไป
ทั้งนี้คาดว่า TU มีแนวโน้มตั้งสำรองค่าใช้จ่ายจำนวน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือ 160 ล้านบาท) สำหรับการเจรจายอมความกับวอลมาร์ทในคดีความข้างต้น แต่อย่างไรก็ตามประเมินว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่ TU จะทำการตั้งสำรองเพื่อให้ครอบคลุมคดีความที่คล้ายกันจากลูกค้าที่ทำการฟ้องร้องรายอื่นๆ อีก 64 ราย
ดังนั้นจำนวนค่าใช้จ่ายที่ต้องทำการตั้งสำรอง (รวมวอลมาร์ทด้วย) คาดว่าจะอยู่ในช่วง 20-50 ล้านเหรียญ (หรือ 650 ล้านถึง 1.6 พันล้านบาท) ในแง่ทางบัญชี ยังคงต้องรอดูว่าสำรองก้อนดังกล่าวจะทำการบันทึกครั้งเดียวหรือทยอยตัดจำหน่ายเป็นค่าใช้จ่าย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเชื่อว่ามีแนวโน้มสูงที่จะทำการตั้งสำรองเป็นค่าใช้จ่ายทั้งจำนวนในครั้งเดียวในไตรมาส 2/61
ทั้งนี้จากสมมติฐานในกรณีปกติว่าจำนวนสำรองค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ 35 ล้านเหรียญในไตรมาส 2/61 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประมาณการกำไรสุทธิของ TU ในไตรมาส 2/61 และสำหรับทั้งปี 2561 คิดเป็น 92% และ 20% ตามลำดับ แต่ยังคงไม่รวมสำรองค่าใช้จ่ายดังกล่าวเข้าไปในประมาณการปี 2561 ของบล.บัวหลวงแต่อย่างใด เนื่องจากรอรายละเอียดในแง่ของจำนวนและวิธีการบันทึกรายการสำรองดังกล่าวก่อน
อนึ่ง ราคาหุ้นอ TU ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 17.50 บาท ลบ 0.20 บาท หรือ 1.13% สูงสุดที่ 17.70 บาท ต่ำสุดที่ 17.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 137.04 ล้านบาท โดยราคาหุ้น TU ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 18.10 บาท เมื่อวันที่ 18 พ.ค.256