ต้องเข้าใจเกม!
*ถ้าดูการเคลื่อนไหวของดัชนีอย่างเป็นระบบนับตั้งแต่ต้นปี 2561 “โมนิก้า” ยังปักใจเชื่อว่า ทั้งหมดเป็นการชิงไหวชิงพริบของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ไม่มีอะไรต้องคิดซับซ้อนหลายตลบ เพราะของมันเห็นกันอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ ปัจจัยพื้นฐานให้ได้แค่นี้ ไม่จำเป็นต้องไปเรียกร้องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หรือถ้าจะหวังให้ทุกอย่างดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ต้องรอต่อไปอีกระยะหนึ่งนะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ถ้าดูการเคลื่อนไหวของดัชนีอย่างเป็นระบบนับตั้งแต่ต้นปี 2561 “โมนิก้า” ยังปักใจเชื่อว่า ทั้งหมดเป็นการชิงไหวชิงพริบของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ไม่มีอะไรต้องคิดซับซ้อนหลายตลบ เพราะของมันเห็นกันอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ ปัจจัยพื้นฐานให้ได้แค่นี้ ไม่จำเป็นต้องไปเรียกร้องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หรือถ้าจะหวังให้ทุกอย่างดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ต้องรอต่อไปอีกระยะหนึ่งนะคะ
*โดยหนึ่งในตัวแปรที่ทำให้สถานการณ์หลายอย่างออกอาการง่อนแง่น คงมาจากความเชื่อมั่นในการลงทุนหดหายไปเป็นจำนวนมาก จึงพากันเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน ดัชนีถึงแกว่งตัวลงอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 1,734.54 จุด ลบไป 6.67 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5 หมื่นล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่พอคาดเดาได้บ้าง แต่อาจไม่ถูกทั้งหมดในกระบวนการทางความคิดเจ้าคะ
*สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นมาจากข้อมูลบางอย่างยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า สถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้นอย่างถาวร! การเล่นของนักเล่นกลุ่มต่าง ๆ ถึงเป็นลักษณะเข้าทำเร็ว ไม่มีเวลาลังเลใจอะไรทั้งสิ้น บวกกับในช่วงที่ผ่านมามักมีการทุบหุ้นหนัก ๆ แล้วปล่อยให้เด้งกลับสั้น ๆ “โมนิก้า” ถึงเห็นดีเห็นงามที่นักลงทุนในประเทศช่วยกันช้อนหุ้น เพราะมันเป็นเรื่องเดิมที่เคยเห็นกันมาแล้ว จึงขอปรบมือดัง ๆ ที่เข้าใจเกมการเงินในเที่ยวนี้นะซี
*เหมือนกับในรายของ EA พยายามทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แต่ในระหว่างทางโดนเทขายเป็นระยะ สุดท้ายยังสามารถขึ้นมาปิดที่ 40.50 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 3.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.76 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นหนึ่งในทีเด็ดที่พูดถึงทีไร? เดี๊ยนมีความสุขทุกที ก็ในเมื่อของมันเห็นกันอย่างแจ่มแจ้ง ปี 2561 เป็นปีทองของเขา จึงต้องพูดถึงบ่อย ๆ ไงล่ะคะ
*เช่นเดียวกับในรายของ SUPER หุ้นเติบโตสูง (เขาบอกกันว่า ปีนี้โตแร๊ง..งง) ที่ต้องติดตามดูผลงานอย่างใกล้ชิด “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งช็อตเด็ดที่แฟนประจำรู้เป็นอย่างดีว่า ทุกอย่างกำลังไปได้สวย ตัวเลขกำไรมีสิทธิ์ขยับขึ้นอีก มูลค่าของกิจการเลยสูงขึ้นตามไปด้วย ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.43 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 5.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.22 พันล้านบาท งานนี้บอกได้แค่ว่า ฝีมือล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับดวงนะจ๊ะ
*ส่วนรายที่ก้ำกึ่งระหว่าง “เจ้ามือ” กับ “ดวงเฮง” จนแทบจะแยกไม่ออก “โมนิก้า” กลับพุ่งเป้าไปที่หุ้นเครื่องสำอาง BEAUTY ถ้ามองสั้นขึ้นมาหน่อยจะเห็นว่า ราคาหุ้นอยู่ในลักษณะโค้งตัวลงค่อนข้างชัดเจน พร้อมกับปรากฏข่าวฉาวให้แมงเม่าได้ยินทุกวัน เดี๊ยนเลยสงสัยการขึ้นมาปิดที่ 18 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1 พันล้านบาท ควรจะอ้างเหตุเป็นเรื่องไหนดีล่ะ..อิอิอิ
*สำหรับในรายของ KTC อันนี้พอพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า สถานการณ์ของตัวบริษัทดีขึ้นจริง ๆ และการคัมแบ็กในเที่ยวนี้ไม่ธรรมดาเสียด้วย “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับลองหันมามองหุ้นดาวเด่นรายนี้อีกสักครั้ง ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 368 บาท บวกไป 20 บาท หรือขึ้นไป 5.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 690 ล้านบาท มันเป็นอะไรที่น่าติดตามชมนะจะบอกให้
*เหมือนกับกรณีของ TMB ถ้ามองในมุมของนักเล่นต้องยอมรับว่า อาการแพนิกหายไปแล้ว! แรงซื้อถึงเข้ามาแทนที่ จนดันหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.52 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 820 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ต้องจับตาดูให้ดี ๆ หากวันนี้แรงซื้อจะเข้ามาหนุน แสดงว่าทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ถ้ามีแรงเทขายออกมาอีกระลอก งานนี้ต้องโบกมือลา พร้อมกับกล่าวคำว่า ซาโยนาระ แล้วล่ะเจ้าคะ
*ส่วนในรายของหุ้นร้อน QH เดี๊ยนมองเป็นกิมมิคของนักผจญภัย ไม่มีเหตุผลอื่นที่อธิบายได้ดีกว่านี้อีกแล้ว เพราะการเล่นเที่ยวนี้มาจากความเชื่อส่วนตัวล้วน ๆ “โมนิก้า” จึงไม่ขอกล่าวอะไรเพิ่มเติม เพราะทันทีเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.36บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 1.80% ด้วยมูลค่า 231 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาสูงสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง เดี๊ยนได้แต่อึ้งกิมกี่เจ้าคะ
*สำหรับในรายของ CENTEL รายนี้เคยมีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่า พอถึงบทขึ้น หุ้นขึ้นลูกเดียว พอถึงบทลง ก็ทิ้งดิ่งลงมาเหมือนกัน แต่โชคดีตรงที่มีตัวเลขกำไรซัพพอร์ต “โมนิก้า” ถึงไม่ค่อยหนักใจสักเท่าไหร่ ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 47 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 6.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 190 ล้านบาท มันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นักเล่นต้องหัดทำความเข้าใจ เพราะหุ้นดันวิ่งขึ้นมาชนแนวต้านที่บริเวณ 47.50 บาท จึงมีโอกาสขึ้นลงพอกันนะจ๊ะ
*ส่วนรายที่มีอาการหนักสุดในยามนี้ได้แก่ JKN โดนทุบหนักเป็นเวลาหลายวัน จนปรากฏแท่งเทียนสีแดงยาวเป็นปื้น “โมนิก้า” ถึงไม่สามารถอธิบายเหตุผลที่ทำให้หุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ 9.75 บาท ลบไป 0.95 บาท หรือลงไป 8.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 83 ล้านบาท มันทำให้เดี๊ยนคิดไปในทางเดียวว่า “มันจบแล้วค่ะนาย!”..พวกคุณ ๆ ท่าน ๆ คิดว่ามันเป็นเช่นนี้ จริงไหม?