XO วิ่งฉิว 8% ทุบสถิติ “ออลไทม์ไฮ” โบรกฯแนะ “ซื้อ” ชูเป้า 11.70 บ.
XO วิ่งฉิว 8% ทุบสถิติ "ออลไทม์ไฮ" โบรกฯแนะ "ซื้อ" ชูเป้า 11.70 บ. โดย ณ เวลา 15.22 น. อยู่ที่ระดับ 9.50 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 7.95% สูงสุดที่ 9.65 บาท ต่ำสุดที่ 8.85 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 37.30 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ณ เวลา 15.22 น. อยู่ที่ระดับ 9.50 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 7.95% สูงสุดที่ 9.65 บาท ต่ำสุดที่ 8.85 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 37.30 ล้านบาท
โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2557
ด้าน บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ (18 พ.ค.) แนะนำ “ซื้อ” XO ราคาเป้าหมาย 11.70 บาท/หุ้น โดยรายงานกำไรไตรมาส 1/61 ที่ 46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 218 จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 368% จากไตรมาสก่อน โดยในช่วงไตรมาส 1/61 รายได้เติบโต 5.2% สู่ 268 ล้านบาทเนื่องจากมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสและน้ำจิ้มเพิ่มขึ้น และสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้ 4-5 ประเทศ
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นจาก 28% ในไตรมาสก่อนสู่ 35.7% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาน้ำตาลที่ปรับตัวลงกว่า 20% จากปีก่อนหลังภาครัฐประกาศลอยตัวราคาน้ำตาล และค่าแรงงานฝ่ายผลิตลดลงหลังใช้กำลังการผลิตเครื่องจักรได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น นอกจากนี้มีการกลับรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าราว 2 ล้านบาทเข้ามาหนุนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเติม
ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวลงราว 10 ล้านบาทจากไตรมาสก่อนเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขายลดลง และค่าใช้จ่ายการผลิตคงที่ของโรงงานใหม่ (ค่าเสื่อมราคา) ถูกปันส่วนไปยังต้นทุนขายเพิ่มขึ้นหลังใช้กำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรไตรมาส 1/61 อยู่ที่ 46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 218 จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 368% จากไตรมาสก่อน และคิดเป็น 49% ของประมาณการที่ 93 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 61 สู่ 137 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 47% จากประมาณการเดิม : ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปี 61 และ 62 เพิ่มขึ้นจาก 93 ล้านบาท และ 123 ล้านบาทสู่ระดับ 137 ล้านบาทและ 149 ล้านบาทเติบโต 131% จากปีก่อน และ 9% จากปีก่อน ตามลำดับ โดยปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นจาก 32% สู่ 33.7% เนื่องจากต้นทุนราคาน้ำตาลที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และวัตถุดิบอื่น(พริกและกระเทียม) ทรงตัวในระดับต่ำช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นให้เติบโตดีกว่าคาด
ด้านค่าใช้จ่ายในการบริหารมีแนวโน้มปรับตัวลงจากไม่มีสินค้าด้อยคุณภาพ 11 ล้านบาท และปันส่วนค่าเสื่อมราคาจากโรงงานใหม่ลดลง 6-8 ล้านบาทต่อปีหลังใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นหลังทยอยย้ายการผลิตจากโรงงานเก่า (แหลมฉบัง) มายังโรงงานใหม่ (ระยอง) อย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 61 ผู้บริหารมีแผนย้ายการผลิตขนาดเล็ก (Batch เล็ก) จากโรงงานเก่ามายังโรงงานใหม่ซึ่งคาดว่าต้องติดตั้งเครื่องจักรใหม่มูลค่าเงินลงทุน 50 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/61 โดยจะเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานใหม่ได้อีกราว 15% ต่อปีซึ่ง จะทำให้เสียภาษีเงินได้ลดลงเนื่องจากโรงงานใหม่ได้รับสิทธิประโยชน์ BOI จนถึงปี 2567
อย่างไรก็ตาม คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมปรับเพิ่มราคาเหมาะสมสู่ 11.70 บาท ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี PE Ratio โดยอิง Prospective PE ที่ 30 เท่าเป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี และใกล้เคียงค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอาหารในตลาด MAI ที่ 32 เท่า ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ใช้ Prospective PE ที่ 26 เท่าเพื่อให้สะท้อนถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของผลประกอบการโดยเราคาดกำไรต่อหุ้นปี 61 ราว 0.39 บาทต่อหุ้นได้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นจาก 6.76 บาทสู่ 11.70 บาท ซึ่งมี Upside 28% จากราคาปัจจุบัน