AMA เด้งแรง 11% หลังร่วงหนักมากว่า 2 เดือน ลุ้นกำไรฟื้นตัว H2/61 โบรกแนะถือเป้า 7.50 บ.
AMA เด้งแรง 11% หลังร่วงหนักมากว่า 2 เดือน ลุ้นกำไรฟื้นตัว H2/61 โบรกแนะถือเป้า 7.50 บ. โดย ณ เวลา 15.20 น. อยู่ที่ระดับ 6.75 บาท บวก 0.65 บาท หรือ 10.66% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 20.49 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA ณ เวลา 15.20 น. อยู่ที่ระดับ 6.75 บาท บวก 0.65 บาท หรือ 10.66% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 20.49 ล้านบาท ราคาบวกแรงคาดนักลงทุนเก็งกำไรทางเทคนิคหลังหุ้นร่วงแรงมากว่า 2 เดือน โดยนับตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 14 บาท เมื่อวันที่ 21 มี.ค.61
บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ ปรับประมาณการเพื่อสะท้อนความเสี่ยงราคาน้ำมันดิบ แต่ยังคาดหวังราคาน้ำมันปาล์มฟื้นตัวช่วง 2H61 : สภาวะที่ราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำในปัจจุบันอยู่ที่ราว 2,418 ริงกิตต่อตัน (ปรับลดจากจุดสูงสุดในรอบ 1.5 ปี กว่า 33%) จากผลผลิตปาล์มล้นตลาดสวนทางการบริโภคปาล์มในแถบอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อ่อนตัว เป็นผลให้ผู้ปลูกปาล์มรายหลักๆของโลก (ลูกค้ารายหลักของ AMA) กระชับต้นทุนมากขึ้น นับเป็นสาเหตุสำคัญที่สร้างความยากลำบากในการเจรจาปรับค่าระวางเรือของ AMA ในช่วงนี้
อย่างไรก็ตาม จากการที่ฤดูมรสุมได้ผ่านพ้นส่งผลให้รอบการเดินเรือที่ชะลอตัวไปในงวด 1Q61 น่าจะทยอยปรับขึ้นมาสู่ระดับปกติได้ และยังคงประกอบการภายใต้ค่าระวางเรือที่มีการปรับขึ้นมาในงวด 4Q60 ส่วนช่วง 2H61 ยังมีประเด็นให้ติดตามจากแผนการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากจีนหลังปัจจุบันสต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศจีนตกต่ำ แต่กำไรงวด 1Q61 คิดเป็นเพียง 1% ของประมาณการปี 61 ของฝ่ายวิจัย ตลอดจนความเสี่ยงจากราคาน้ำมันซึ่งยังน่าจะกดดันผลประกอบการในระยะสั้น กล่าวคือราคาน้ำมันดิบ Brent ยังมีค่าเฉลี่ยในงวด 2Q61 (QTD) โดยรวมจึงปรับลดกำไรปี 61 – 62 ลง 56.7% และ 58% ตามลำดับ มาอยู่ที่ 105 และ 124 ล้านบาท ล้านบาท หดตัว 58%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และกลับมาฟื้นตัว 18%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยสมมติฐานการทยอยซื้อเรือเพิ่มอีก 1 ลำในปี 62 และอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจาก 31% ในปี 60 มาอยู่ที่ 20% ทั้งในปี 61 – 62
ปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” ราคาเหมาะสม 7.5 บาท : จากผลประกอบการในงวดไตรมาส1/61 และราคาน้ำมันดิบ Brent ในงวด 2Q61 (QTD) ที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ตลอดจนราคาน้ำมันปาล์มที่กดดันลูกค้ารายหลัก เป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการในระยะสั้นถึงระยะกลาง เป็นผลให้ฝ่ายวิจัยปรับลดมูลค่าเหมาะสมลงเหลือ 7.5 บาท (จากวิธี DCF ด้วย growth ที่ 0% และ WACC ที่ 8.9%) พร้อมกับปรับลดคำแนะนำลงเป็น “ถือ” เพื่อติดตามราคาน้ำมันปาล์มที่ยังมีโอกาสฟื้นตัวช่วงครึ่งปีหลังและเป็นปัจจัยทำให้ AMA สามารถเจรจาปรับขึ้นค่าบริการ และส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นทยอยฟื้นตัวในช่วง 2H61