ธุรกิจแบตเตอรี่อนาคตไกล EA จ่อโกยรายได้อื้อ! รับแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้าโต 3 เท่าตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายงานจากทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ระบุว่า ในปี 2560 ที่ผ่านมามีรถไฟฟ้าหรืออีวี (Electric Vehicle) วิ่งอยู่บนถนนทั่วโลกรวม 3.1 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ถึง 57% ในจำนวนนี้ 40% อยู่ในประเทศจีน ขณะที่ตัวเลขนี้ยังมีแนวโน้มเติบโตกว่า 3 เท่าเป็น 13 ล้านคันใน 10 ปี และยอดขายอีวีอาจเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 24% จนถึงปี 2030

โดยข้อมูลนี้สะท้อนว่า ระบบขนส่งของโลกกำลังผ่องถ่ายสู่เชื้อเพลิงสะอาดอย่างรวดเร็ว ขณะที่ภาครัฐขวนขวายจำกัดก๊าซเรือนกระจกและมลพิษแม้ต้นทุนแบตเตอรี่ยังคงเป็นองค์ประกอบสำคัญของราคาอีวี แต่หากภาครัฐและอุตสาหกรรมยานยนต์มุ่งมั่นต่อเนื่อง อาทิ ด้วยการออกมาตรการจูงใจทางการเงิน การวิจัยและพัฒนา การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการปรับปรุงการผลิต น่าจะช่วยให้ราคาแบตเตอรี่ลดลงและความนิยมในการใช้อีวีเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นอกจากนี้ ไออีเอ ระบุว่า จากนโยบายที่มีอยู่ขณะนี้ทำให้คาดได้ว่า ในปี 2030 จะมีรถไฟฟ้าวิ่งบนถนนทั่วโลก 125 ล้านคัน และอาจเพิ่มเป็น 220 ล้านคัน ขณะเดียวกัน คาดว่า ความต้องการแบตเตอรี่จะเพิ่มขึ้น 15% ในปี 2030 ส่วนใหญ่เป็นผลจากรถไฟฟ้า และครึ่งหนึ่งของดีมานด์นี้มาจากจีน ตามด้วยยุโรป อินเดีย และอเมริกา เท่ากับว่า โลกต้องการโรงงานผลิตแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก

ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าว คาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจ และผลการดำเนินงานของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ในอนาคต จากการที่บริษัทฯ เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และเป็นผู้ก่อสร้างโรงงานในการผลิตแบตเตอรี่เป็นของตัวเองเพื่อรองรับความต้องการจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่จะต้องใช้แบตเตอรี่ซึ่งผลิตในประเทศไทย โดยคาดว่าโรงงานดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 นอกจากนี้บริษัทยังเป็นผู้ดำเนินธุรกิจสถานีชาร์จไฟฟ้าซึ่งขณะนี้มีแผนงานขยายให้ครบ 1,000 แห่ง