ย่ำขึ้น…ย่ำลง

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ประเด็นของการเม้าท์จนน้ำลายแตกฟองกระจายไปทั่วค้า คงเป็นเรื่องราวของข่าวฉาวที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มมีบทสรุปที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ถึงเห็นแฟนคลับจับเข่าคุยกันอย่างสนุกสนาน(แต่น้ำตาตกใน) พร้อมกับแสดงความคิดเห็นในหลายเรื่องที่เกิดขึ้นแบบสุดซอย (เชื่อแบบนั้น เลยคิดแบบนั้น) เท่ากับเป็นการย้ำให้เดี๊ยนรู้ว่า ทุกวันนี้ยังไม่มีอะไรดีขึ้นสักเท่าไหร่นะจ๊ะ

*เนื่องจากบรรดานักเล่นยังไม่สามารถปลดเปลื้องพันธนาการที่เหนี่ยวรั้งได้ แต่ในขณะเดียวกันยังมีพฤติกรรม “หาเหาใส่หัว” ด้วยการเดินเข้าไปหาโซ่ตรวนมาคล้องขาตัวเองกันอีก “โมนิก้า” ถึงมองปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ไม่จีรังยั่งยืนสักเท่าไหร่ ดัชนีถึงมีอาการตุปัดตุเป๋ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด พร้อมกับแสดงอารมณ์ “ขึ้น ๆ ลง ๆ” เหมือนพวกวัยทองอีกด้วยนะคะ

*ผลลัพธ์ที่ออกมาเลยกลายเป็นว่า ดัชนีมีลักษณะการเคลื่อนตัวแบบ “ย่ำขึ้น ย่ำลง” แต่ค่อนไปในทางลงเป็นส่วนมาก ซึ่งเป็นการตอกย้ำแนวโน้มระยะกลางยังเป็น side way down เดี๊ยนถึงมองการลงมายืนปิดอยู่ที่ 1,718.34 จุด ลบไป 8.95 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.32 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นเกมทำรอบที่เคยเห็นกันมาหลายครั้ง เพียงแต่เที่ยวนี้ออกไปในโทนย่ำฐานนานหน่อย นักเล่นเลยเกิดอาการอึดอัดใจอย่างแรงเจ้าคะ

*เหมือนกับการแกว่งตัวไปมาของหุ้น TOP ก่อนจะลงมาปิดที่ระดับ 85.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 1.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 705 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นสถานการณ์คาบลูกคาบดอก และสามารถออกได้ทั้ง 2 หน้า เพราะหุ้นลงมายืนที่จุดเด้งกลับบริเวณ 85 บาทอีกครั้ง บวกกับหลายครั้งที่ผ่านมาหุ้นวิ่งกลับขึ้นไปแถว 88 บาทได้เป็นประจำ จึงน่าลุ้นเหมือนกันว่า เที่ยวนี้จะทำสำเร็จไหมเอ่ย?

*กรณีดังกล่าวเหมือนกับในราย ADVANC เด้งขึ้น..เด้งลง ในกรอบราคา 190-197 บาทเป็นเวลาร่วมเดือน แต่อยู่ในทิศทางฐานรับเริ่มต่ำลงนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเกมเล่นรอบที่ต้องให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ เพราะการเล่นเที่ยวนี้อาจไม่เหมือนกับเที่ยวก่อน จึงต้องดูราคาปิดที่ 189.50 บาท ลบไป 1.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.27 พันล้านบาท บอกอะไรให้เหล่านักเล่นได้รู้กันบ้างล่ะจ๊ะ

*ประเด็นดังกล่าวต่อเนื่องมากถึงการทรุดตัวของหุ้นน้องสวย BEAUTY ก่อนจะมาปิดที่ 16.20 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 680 ล้านบาท “โมนิก้า”มองเป็นเรื่องวิกฤตศรัทธา และความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจ เพราะของมันเห็นกันทนโท่เจ้าของขายหุ้นจนขาดแรงจูงใจในการทำธุรกิจ (แมงลือเม้าท์กันให้แซ่ด) จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องเหลียวมอง..จริงหรือไม่? ลองถามใจเธอดูค่ะ

* เช่นเดียวกับการวิ่งขึ้นของ EPG ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนแดงแบบมีเลือดฝาด “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นความเสี่ยงของผู้เล่นที่พร้อมจะเดินหน้าลุยสุดซอย เลยไม่สนใจบรรยากาศการลงทุนรอบด้านจะเป็นเช่นไร หุ้นเลยพุ่งสวนขึ้นมาปิดที่ 8.40 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 267 ล้านบาทแบบสบายบรื๋อสะดือโบ๋ไงล่ะคะ

*เหมือนกับในรายของ CHAYO พุ่งขึ้นพรวดพราดแบบไม่ให้รู้ตัว ก่อนจะปิดที่ระดับ 3.90 บาท บวกไป 0.38 บาท หรือขึ้นไป 10.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 350 ล้านบาท น่าจะเป็นอีกหนึ่งเกมที่มีบรรดาขาใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องอีกตามเคย เพราะเมื่อดูตามเนื้อผ้าของการเล่นในเที่ยวนี้ น่าจะเป็นการเน้นเกมบุกมากกว่าเกมรับ ทุกคนที่เข้ามาเลยใส่กันเต็มแม็ก จนลืมไปว่า P/E 35 เท่าแล้วนะหล่อน!

*อีกหนึ่งรายที่ขึ้นมาด้วยความคาดหวังล้วนๆ “โมนิก้า” ต้องมองไปที่หุ้น OCEAN เป็นรายถัดไปในทันที เพราะสตอรี่ที่ทำให้หุ้นพุ่งชนซิลลิ่ง ด้วยการปิดที่ระดับ 1.37 บาท บวกไป 0.31 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 103 ล้านบาท มันถูกปั่นกระแสด้วยเรื่องแบ็กดอร์เพื่อเอาธุรกิจไบโอดีเซลเข้ามาสวม พร้อมกับต่อยอดอีกชั้นหนึ่งด้วยธุรกิจไฟฟ้า จนหลงลืมความจริงที่ปรากฏให้เห็นว่า ธุรกิจที่เอามาสวมมีกำไรไม่กี่ล้านบาทนั้น เวิร์กจริงเหรอ? งานนี้คงต้องถาม “ชัชชญา” กันเอาเองแล้วล่ะ!

*ร้อนแรงไม่แพ้กัน และโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ เดี๊ยนคงเหลือบมองไปที่ FLOYD หลังหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 2.60 บาท บวกไป 0.32 บาท หรือขึ้นไป 14% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 185 ล้านบาท มันเป็นปรากฏการณ์ที่สะเทือนอารมณ์พวกมือใหม่หัดเดย์เทรด เพราะเมื่อย้อนกลับไปดูประวัติเก่า ๆ จะเห็นว่าสงครามวันเดียวเกิดขึ้นอีกแล้ว และคราวนี้คงได้นั่งนับปีกแมงเม่าร่วงเต็มห้องค้าอีกรอบกระมังค่ะ