เปิดโผ 50 อันดับหุ้น NVDR ฝรั่งตุนเพียบ! เสี่ยงถูกขายทิ้งรับเฟดขึ้นดบ.ดึงเม็ดเงินกลับปท.
"ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์" เปิดโผ 50 อันดับหุ้น NVDR ฝรั่งตุนเพียบ! เสี่ยงถูกขายทิ้งรับเฟดขึ้นดบ.ดึงเม็ดเงินกลับประเทศ
สืบเนื่องจากกรณีที่ วานนี้ (14 มิ.ย.2561) คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมวันนี้(13) ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
โดย การปรับอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นครั้งแรกในเดือนมี.ค. และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่เฟดเริ่มวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.2558
นอกจากนี้ เฟดยังได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยคาดว่าจะปรับขึ้นในเดือนก.ย. และธ.ค. ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้ ส่วนในปีหน้า เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง
ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างหนักวานนี้ เนื่องจากการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้เม็ดเงินต่างชาติไกลกลับเข้าสู่สหรัฐ เนื่องจากได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า ดังนั้น ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (บจ.) ที่มีสัดส่วนการถือครองหุ้นของต่างชาติสูง เนื่องจากอาจจะถูกเทขายออกมาเพื่อโยกเงินกลับไปลงทุนในสหรัฐฯแทน
ขณะที่จากการสำรวจข้อมูลการซื้อขายรายกลุ่ม โดยข้อมูลการซื้อขายรายกลุ่มแสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าการขายสุทธิตั้งแต่วันที่ 1-14 มิ.ย.61 รวมทั้งสิ้น 2.40 หมื่นล้านบาท
ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้สำรวจและรวบรวมข้อมูลใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย NVDR ที่ถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ (ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 13 มิ.ย.2561) เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่สะท้อนการลงทุนของต่างชาติมากที่สุด เพื่อรับมือกับการถูกนักลงทุนต่างชาติที่อาจจะทำการขายสุทธิออกมา โดยเรียงลำดับจากบจ.ที่มีอัตราส่วนการถือครองด้วย NVDR สูงสุด 50 อันดับแรก
(ตารางแสดงอัตราการถือครองหุ้นของ NVDR ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 13 มิ.ย.2561)
ทั้งนี้ พบว่ากลุ่มที่มีอัตราส่วนการถือครองด้วย NVDR สูงสุดส่วนใหญ่เป็นหุ้นในกลุ่มธนาคาร ขณะที่คาดว่ากลุ่มดังกล่าวจะถูกขายออกเป็นกลุ่มแรกๆคือกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากมีผลกระทบโดนตรงในแง่ของอัตราดอกเบี้ย และเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ตาม บจ.ที่ถูกเทขายออกมาเป็นจำนวนมากแล้ว อาจจะถูกเทขายได้อีกไม่มาก ขณะที่บจ.ที่ถูกซื้อสะสมไว้มีโอกาสที่จะถูกเทขายภายหลังจากเฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย
*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน