10 หุ้นพุ่งแรง! เดือน พ.ค.61

ในโอกาสดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ ปัจจุบันยังปรับตัวผันผวนเช่นดังช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเดือนพฤษภาคม 2561 มีการเคลื่อนไหวผันผวน และอิงในแดนลบเล็กน้อย ซึ่งปรับลง - 0.03% หรือลงไป 53.14 จุด (จากวันที่ 30 เม.ย. 2561 ดัชนีปิด 1,780.11 จุด เทียบกับวันที่ 31 พ.ค. 2561 ดัชนีปิด 1,726.97 จุด)


เส้นทางนักลงทุน

ในโอกาสดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ ปัจจุบันยังปรับตัวผันผวนเช่นดังช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเดือนพฤษภาคม 2561 มีการเคลื่อนไหวผันผวน และอิงในแดนลบเล็กน้อย ซึ่งปรับลง – 0.03% หรือลงไป 53.14 จุด (จากวันที่ 30 เม.ย. 2561 ดัชนีปิด 1,780.11 จุด เทียบกับวันที่ 31 พ.ค. 2561 ดัชนีปิด 1,726.97 จุด)

การปรับตัวของดัชนีในปัจจุบันถือเป็นการปรับตัวคล้ายคลึงดังช่วงเดือนพฤษภาคม นั่นก็หมายความว่า ภาพรวมของหุ้นที่จะปรับตัวขึ้นก็จะมีจำนวนน้อยเช่นกัน

ดังนั้นจากที่ภาวะของดัชนีผันผวนอยู่ เชื่อว่าหุ้นที่น่าสนใจและปรับตัวขึ้นได้นั้นก็คงไม่แตกต่าง หรือหนีพ้นไปจากหุ้นที่ปรับตัวขึ้นชนะดัชนีได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมนั่นเอง

เพราะแต่ละตัวมีความน่าสนใจ และยังเป็นหุ้นที่มักปรับตัวขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยครั้งบนกระดานเทรดและเป็นประจำในโผสำรวจหุ้นปรับตัวขึ้นรายเดือน รายไตรมาส และรายปี

สำหรับหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ของกลุ่ม SET ถือว่ามีไม่กี่ตัว ทางข่าวหุ้นธุรกิจ จึงทำการคัดมาเพียง 10 ตัวที่นักลงทุนมักผ่านตา และคุ้นเคยเป็นอย่างดี  ประกอบกับมักมีคำแนะนำจากหลายฝ่าย รวมถึงมีข่าวดีเข้ามาสนับสนุนเป็นประจำ ได้แก่ EPCO, TKN, STEC, BDMS, SAPPE, UNIQ, AMATA, MC, CK และ WHA เป็นต้น (รายละเอียดราคาหุ้นเดือนพฤษภาคมว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากเท่าไร ของ 10 ตัว ดูจากตารางประกอบ)

ส่วนหุ้นดังกล่าวที่นำเสนอมองว่ายังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ เพราะว่าหุ้นเหล่านี้ยังมีปัจจัยบวกหนุน

บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO ถือเป็นบริษัทที่ยังรักษาผลประกอบการเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 1/2561 ที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 149.49 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 69.77 ล้านบาท เป็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรธุรกิจไฟฟ้าหนุน และจะช่วยเสริมแกร่งได้อีกในอนาคต

บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ทางบรรดาโบรกฯ เชียร์ซื้อจากแนวโน้มผลประกอบการฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/2561 จากการรับรู้ต้นทุนราคาสาหร่ายลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังทำสัญญาซื้อวัตถุดิบล่วงหน้า และรับรู้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากโรงงานใหม่ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น ขณะเดียวกันยอดขายต่างประเทศยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะการส่งออกไปยังจีนที่มีการเพิ่มผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายมากขึ้น ส่วนยอดขายในประเทศคาดว่ายังเติบโตได้ต่อเนื่องจากการเปิดสาขาเถ้าแก่น้อยแลนด์เพิ่มเติม

บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC  ทางบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 25% จากระดับ 2 หมื่นล้านบาทในปีก่อน ขณะที่ปีหน้าคาดรายได้เพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้เชื่อว่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้ภาครัฐจะยังคงมีโครงการขนาดใหญ่ ทยอยออกมาประมูลมากขึ้น ซึ่งบริษัทก็จะเข้าร่วมประมูลทุกโครงการ ส่วนปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท นับตั้งแต่ต้นปี 2561 ถึงปัจจุบันได้งานใหม่เข้ามา 2.7 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายงานใหม่ปีนี้ 3 หมื่นล้านบาท

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ทางบริษัทยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดกำไรปกติปี 2561 เติบโตเพิ่มขึ้น 39.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 11,186 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/2561 คาดเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนต่อเนื่องจากรายได้ที่เติบโตมากกว่า  10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ผลักดันจากผู้ป่วยในประเทศและต่างชาติ

บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE  มีปัจจัยบวกหนุน ไดแก่ 1) กำไรปกติไตรมาส 2/2561 อาจทำระดับสูงสุดใหม่ จากผลของฤดูกาลและยอดขายในตลาดต่างประเทศกลับมาเติบโตเด่น (2) กำลังการผลิตใหม่เริ่มสร้างรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/2561 หนุนการเติบโตครึ่งหลังของปี 2561 และ 3) การออกสินค้าใหม่กลุ่ม Healthy snack ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แตกต่างไปจากสินค้าเดิมของ SAPPE ในไตรมาส 3/2561 ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ ถือเป็น Upside risk ที่ต้องติดตาม เพราะถือเป็นการก้าวข้ามธุรกิจเครื่องดื่มเป็นครั้งแรก

บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ มีความน่าสนใจจากในไตรมาส 2 ที่กำลังจะสิ้นสุดลงนี้ หลายฝ่ายมองเชิงบวกต่อผลประกอบการจากรายได้และกำไรสุทธิที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นทั้งจากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ตลอดจน Sentiment ของทั้งกลุ่มที่มีแนวโน้มสดใสในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงปีหน้าจากจำนวนงานภาครัฐขนาดใหญ่หลายโครงการที่จะทยอย TOR ตามแผนของทางภาครัฐ และหากพิจารณาปัจจัยภายในของบริษัทที่สามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินได้ดี

บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA  คงมีปัจจัยจากบริษัทที่ยังคงเป้าหมาย presale ที่ 925 ไร่ ในปี 2561 โดย presales ของที่ดินน่าจะดีในครึ่งหลังของปี 2561 จาก พ.ร.บ. เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกและจาก Amata City Bien Hoa  อย่างไรก็ดีจากผลประโยชน์ของ EEC และแนวโน้มที่สดใสจะยังเป็นปัจจัยผลักดันให้บริษัทโตต่อเนื่อง

บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC มีการมองว่าไตรมาส 2/2561 คาดจะเห็นแนวโน้มที่เติบโตได้ดีจากงวดเดียวกันของปีก่อนเริ่มมีการฟื้นตัวของการใช้จ่ายที่ดีขึ้น จากการปรับเปลี่ยนทั้งโปรโมชั่นและผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปีที่แล้ว ความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ ในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จะช่วยหนุนลูกค้าที่เข้าร้านมากยิ่งขึ้น และการเข้าไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น อิหร่าน เมียนมา ลาว น่าจะทำให้ทั้งในแง่รายได้และผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้นได้ รวมถึงคาดจะเห็นทิศทางที่ดีขึ้นในปีนี้และปีถัด ๆ ไปตามการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ

บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK มีปัจจัยบวก ได้แก่ 1) ผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นจากงานในมือที่เพิ่มขึ้น และไม่มีรายการหนี้สงสัยจะสูญ 2) งานในมือที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2561 จากงานจำนวนมากที่ CK มีความชำนาญ 3) ผลการดำเนินงานของบริษัทลูกที่ดีขึ้น และ 4) อัพไซด์ของหุ้นที่สูง

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA โดยมองว่ายังมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องจากประเด็นดังต่อไปนี้ 1) แนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์ที่ดูดีขึ้น และ 2) ต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการออกหุ้นกู้ ซึ่งทั้งสองประการส่งผลให้มีการปรับประมาณการกำไรหลักเพิ่มขึ้น 16% มาอยู่ที่ 3,549 ล้านบาท นอกจากนี้ทาง WHA ID ลงนามในสัญญาจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ IRPC เพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง ซึ่งประเมินว่าบริษัทจะมีที่ดินเพิ่มขึ้น 17.4% เป็น 9,867 ไร่ อีกทั้ง WHA มียอดขายที่ดินใหม่ 110 ไร่ในไตรมาส 1/2561 และบริษัทยังตั้งเป้าทั้งปีอยู่ที่ 1,400 ไร่ นอกจากนี้ WHA ยังปรับราคาขายที่ดินขึ้น 3% ในเดือน ม.ค. 2561 อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทยังตั้งเป้าโอนที่ดิน 1,000 ไร่ และรับรู้รายได้จาก Backlog ส่วนใหญ่รวม 283 ไร่ในสิ้นเดือน มี.ค.

ทั้ง 10 หุ้นเป็นเพียงตัวอย่างว่าเป็นหุ้นที่ราคาปรับตัวแกร่งกว่าดัชนีในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ยังมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นต่อได้จากปัจจัยบวกของธุรกิจที่ว่าจะเติบโตต่อเนื่อง

Back to top button