ฝรั่งดองทำแสบ

*หากย้อนรำลึกความหลังอันหวานชื่นกันสักหน่อยจะเห็นว่า ในช่วงที่นักเล่นทุกกลุ่มกำลังเดินผ่านทุ่งลาเวนเดอร์ อะไรก็ดูหอมหวนสวยงามไปหมดทุกสิ่งอย่าง พอผ่านพ้นช่วงเวลาอันแสนสุขดังกล่าวปุ๊บ ก็เกิดรายการจ้วงแทงยับชนิดที่นับแผลไม่หวัดไม่ไหว ล้วนเป็นเกมที่ทุกคนพยายามทำความเข้าใจกันมาหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงก็เท่านั้นเองจ้า


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หากย้อนรำลึกความหลังอันหวานชื่นกันสักหน่อยจะเห็นว่า ในช่วงที่นักเล่นทุกกลุ่มกำลังเดินผ่านทุ่งลาเวนเดอร์ อะไรก็ดูหอมหวนสวยงามไปหมดทุกสิ่งอย่าง พอผ่านพ้นช่วงเวลาอันแสนสุขดังกล่าวปุ๊บ ก็เกิดรายการจ้วงแทงยับชนิดที่นับแผลไม่หวัดไม่ไหว ล้วนเป็นเกมที่ทุกคนพยายามทำความเข้าใจกันมาหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงก็เท่านั้นเองจ้า

*ด้วยเหตุนี้ถึงมีการพูดถึงท่าทีของฝรั่งดองตัวจี๊ดกันอย่างอึกทึกครึกโครม พร้อมกับแสดงความเห็นกันออกนอกหน้าว่า เหลือหุ้นให้ขายอีกไม่เกิน 2-3 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้สาดทิ้งไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1.55 แสนล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่บรรดานักเล่นยอมรับถึงอิทธิพลการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนกลุ่มดังกล่าว เพื่อเข้าใจถึงสาเหตุของปรากฏการณ์ภูเขา 3 ลูกยอดต่ำลงนะจ๊ะ

*หากไม่เข้าใจคอนเซ็ปต์ในตรงจุดนี้ “โมนิก้า” ก็จนปัญญาในการอธิบายสาเหตุที่ดัชนีร่วงหล่นอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายลงมายืนปิดที่ 1,704.82 จุด ลบไป 5.04 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.88 หมื่นล้านบาท เพราะมันเป็นปรากฏการณ์พื้น ๆ ที่บอกเรื่องราวต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี จึงต้องหัดเล่นตามน้ำให้เป็นตั้งแต่ตอนนี้ เพราะพฤติกรรมโหด ๆ ของฝรั่งดองตัวแสบคงไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้นะซี

*ข้อมูลเหล่านี้ดูได้จากยอดซื้อขายเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา กองทุนตัวแสบเข้ามาเก็บหุ้นไปทั้งสิ้น 5.94 พันล้านบาท ฝรั่งดองตัวจี๊ดทิ้งหุ้นไปทั้งสิ้น 7.46 พันล้านบาท ปอบผีฟ้าขายเล่น ๆ หาค่าขนม 630 ล้านบาท ขณะที่แมงเม่าจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบไป 2.15 พันล้านบาท  ล้วนเป็นช็อตที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากวันก่อน ๆ ไม่มีอะไรนอกเหนือความคาดหมายแม้แต่นิดเดียว จึงต้องคอนโทรลเกมกันให้ดีเป็นพิเศษนะจะบอกให้

*เหมือนกับเรื่องบิ๊กล็อตหุ้นพานทองแท้ PTT เป็นจำนวน  25 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 50.38 บาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่บอกให้ทุกคนได้รับทราบว่า ต้นทุนของหุ้นขยับขึ้นมายืนที่บริเวณนี้แล้ว ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นในอนาคตไม่ควรต่ำกว่าระดับดังกล่าว หรือมองให้ยาวขึ้นมาอีกนิดหนึ่งจะรู้ว่า น่าจะมีข่าวดีอะไรบางอย่างปรากฏให้เห็นอีกแน่นอน ส่งผลให้การอ่อนตัวลงมายืนอยู่ที่ 50 บาท ลบไป 1 บาท ด้วยมูลค่า 6.31 ล้านบาท เป็นจังหวะเข้าเก็บของนะคะ

*ส่วนคนที่ชอบเล่นเสียวเป็นประจำ “โมนิก้า” ขอแนะนำให้หันไปมอง DTAC เพื่อกระตุ้นฮอร์โมนในร่างกายให้พลุ่งพล่านยิ่งขึ้น เพราะหุ้นมักขึ้นลงแรงแบบไม่มีเหตุผล เดี๊ยนถึงมองการทรุดตัวลงมาปิดที่ 46 บาท ลบไป 3.25 บาท หรือลงไป 6.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.80 พันล้านบาทเป็นจังหวะของการซื้อเพื่อลุ้นเด้งกลับ ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับพื้นฐานของบริษัทสักเท่าไหร่? เพราะเมื่อดูกันตามเนื้อผ้า หุ้นก็ไม่ควรขึ้นตั้งแต่แรกแล้วนะจ๊ะ

*สำหรับหุ้นที่ออกลูกแทงกั๊กเป็นประจำ แต่ยังมีวงรอบเล่นแบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลง “โมนิก้า” ต้องมองไปที่หุ้น BANPU เพื่อชี้ให้เห็นกรอบการวิ่งยังอยู่ที่ระดับ 21-22 บาทเป็นเวลาร่วม 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นการขยับตัวที่แคบมาก ๆ แต่ยังมีคนเข้ามาเคาะสั้น ๆ เพื่อหาค่าขนมตลอดเวลา เท่ากับเป็นการส่งซิกให้รู้ว่า การทิ้งตัวลงมาปิดที่ 21.20 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 2.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.24 พันล้านบาทเป็นจังหวะซื้อสวนใช่ไหมเอ่ย?

*เช่นเดียวกับในรายของ MTC พุ่งขึ้นมายืนอยู่ที่ 35.75 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 5.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 615 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ต้องเล่นแบบไม่มีเงื่อนไข เพราะสตอรี่ของหุ้นถูกปูด้วยเรื่อง growth เป็นที่ตั้งอยู่แล้ว เมื่อบวกกับข่าวดีเกี่ยวกับการทำธุรกิจปลอดโปร่งโล่งสบาย ทุกอย่างเลยดูแฮปปี้เอ็นดิ้งเสียเหลือเกิน หุ้นก็เลยวิ่งขึ้นแบบชิว ๆ ไงล่ะค่ะ

*ส่วนในรายของ BDMS ทำท่าเหมือนจะ มาดี..มาสวย..มาแรง แต่ทันทีที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจในระหว่างทาง หุ้นก็ออกอาการเหมือนจะไปไม่เป็น จนสุดท้ายทำได้ดีสุดแค่การยืนประคองตัวปิดที่ 24.90 บาท ลบไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.13 พันล้านบาท กลายเป็นโมเมนตัมที่ทำให้การเคลื่อนตัวต่อจากนี้ลำบากขึ้น เพราะในมุมสัญญาณทางเทคนิคเห็นกันชัด ๆ ว่า โค้งตัวลง นะจะบอกให้

*สำหรับรายที่เด้งสู้มาสักพักหนึ่ง แต่ยืนระยะไม่ได้อย่าง FLOYD น่าจะเป็นช็อตที่บอกให้นักเล่นได้รู้ว่า เล่นเร็วดีสุด! เพราะแรงซื้อที่ดันกันสุดลิ่มทิ่มประตูก่อนหน้านี้ ได้เปลี่ยนเป็นแรงขายแบบไม่เหลือเยื่อใย หุ้นถึงทรุดตัวลงมายืนปิดที่ 2.50 บาท ลบไป 0.22 บาท หรือลงไป 8% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38 ล้านบาท “โมนิก้า” พูดได้แค่ว่า เรื่องนี้เดาทางยากเหลือเกิน เพราะเล่นบนความคาดหวังเป็นหลักนะซี

*อีกหนึ่งความคาดหวังที่ “โมนิก้า” รู้สึกเป็นอะไรที่ต้องวัดใจมาก ๆ คงเป็นการขยับตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ของหุ้น ZIGA ก่อนจะยืนปิดที่ 3.10 บาท บวกไป 0.02 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 92 ล้านบาท ในมุมเทคนิคมันเป็นภาพของการ sideway up ฐานใหม่เริ่มยกสูงขึ้นอีกครั้ง บวกกับมีข่าวดีเกี่ยวกับกำไรในครึ่งปีหลังจะออกมาแจ่ม เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับมองค่า P/E 18 เท่าเป็นโอกาสของการเล่นหรือเปล่า?

Back to top button