พาราสาวะถี

คงต้องรอผู้มีอำนาจและคนที่ถูกพาดพิงออกมาชี้แจง หลังจากปรากฏข่าวโดยอ้างแหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยว่า เวลานี้กำลังมีการดูดอดีตส.ส.เกรดเอของพรรคนายใหญ่ โดยใช้คดีความเป็นตัวบีบและผลประโยชน์เป็นตัวล่อ ซึ่งมูลค่าตั้งต้นของคนที่จะแปรพักตร์คือ 30 ล้านบาท ข่าวดังว่ายังระบุพรรคที่เดินสายดูดชัดเจนว่าเป็น พลังประชารัฐ


อรชุน

คงต้องรอผู้มีอำนาจและคนที่ถูกพาดพิงออกมาชี้แจง หลังจากปรากฏข่าวโดยอ้างแหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยว่า เวลานี้กำลังมีการดูดอดีตส.ส.เกรดเอของพรรคนายใหญ่ โดยใช้คดีความเป็นตัวบีบและผลประโยชน์เป็นตัวล่อ ซึ่งมูลค่าตั้งต้นของคนที่จะแปรพักตร์คือ 30 ล้านบาท ข่าวดังว่ายังระบุพรรคที่เดินสายดูดชัดเจนว่าเป็น พลังประชารัฐ

แน่นอนว่าพรรคนี้ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าล้อไปกับแนวทางสำคัญของรัฐบาลเผด็จการคสช. มากไปกว่านั้น มีการปูดรายชื่อของหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคตัวจริงเสียงจริงกันมาอย่างต่อเนื่องนานแล้ว เพียงแต่ว่าหัวอาจจะเปลี่ยนจากเดิมที่วางไว้คือ อุตตม สาวนายน เป็น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่เดิมทีวางตำแหน่งของตัวเองเป็นเพียงแค่กุนซือผู้ถือหางเสือ

แต่เมื่อเดินเกมกันมาขนาดนี้แล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องเหนียมกันอีกต่อไปจึงต้องเปิดหน้าเล่นเอง ส่วนเลขาฯพรรคไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงยังเป็นชื่อของ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนปัจจุบัน ทั้งหมดนี้ก็คือทีมการเมืองในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลคสช. โดยผนึกกำลังกับ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในการเดินสายดูด

แม้ว่าพี่ใหญ่จะปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เล่นการเมืองหลังพ้นเก้าอี้จากคณะรัฐบาลเผด็จการ นั่นก็แค่ลีลาของนักการเมืองในหัวโขนของคนที่อ้างว่าเล่นการเมืองไม่เป็น ไม่มีการเมือง แต่ในทางตรงข้ามตามที่แหล่งข่าวของพรรคเพื่อไทยว่า มีการเดินสายเดินหน้าเพื่อแสวงหาสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐอย่างดุเดือดและหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ

สำหรับพวกมวยรองหรือเกรดบีเกรดซีที่มีชื่อปรากฏก่อนหน้านั้น ก็คือพวกอะไหล่สำรองกรณีที่ดึงเกรดเอมาสวมสีเสื้อตัวเองไม่สำเร็จ เป้าหมายก็เพื่อเก็บทุกคะแนนไปเพิ่มตำแหน่งส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ให้พรรค ยิ่งการปรากฏชื่อของอดีตแกนนำของพรรคนายใหญ่ไม่ว่าจะเป็น สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สมศักดิ์ เทพสุทิน และ อนุชา นาคาศัย เหล่านี้คือพลังเสริมของผู้มีอำนาจในการที่จะช่วยให้อดีตส.ส.เป้าหมายตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ส่วนที่ ทักษิณ ชินวัตร และแกนนำสำคัญของเพื่อไทยยังคงมั่นใจในฐานเสียงอันแข็งแกร่งทั้งภาคเหนือและอีสานนั้น ถ้ายึดตามผลโพลที่ทำกันในเชิงลึกและลับก็คงจะเป็นเช่นนั้น ที่สำคัญคือไม่มีใครไปเปลี่ยนแปลงแนวคิดหรือความนิยมที่คนทั้งสองภาคมีต่อพรรคนายใหญ่ได้ แต่หากก่อนเลือกตั้งมีอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นมา ก็อาจจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เสียงในพื้นที่เป้าหมายลังเลใจได้

อุบัติเหตุทางการเมืองที่สำคัญคือเรื่องสถานะของพรรคเพื่อไทย แม้จะมองเหตุและปัจจัย ณ วันนี้ไม่เห็นทีท่าว่าจะมีอะไรไปสร้างปัญหาถึงขนาดที่จะยุบพรรคได้ แต่ด้วยอภินิหารกฎหมายและการเล่นแร่แปรธาตุของเนติบริกรที่รายล้อมผู้มีอำนาจ จุดนี้ทำให้ผู้บริหารพรรคนายใหญ่ก็ออกอาการหวั่นไหวอยู่เหมือนกัน เพราะไม่แน่ใจว่าจะถูกเล่นงานเมื่อใดและด้วยท่าไม้ตายแบบไหน

การเมืองเมื่อเข้าสู่ช่วงตะลุมบอน ไม่ว่ายุคใดสมัยใด ฝ่ายที่ถืออำนาจย่อมกุมความได้เปรียบ และยิ่งเป็นอำนาจที่ไม่มีใครกล้าตรวจสอบหรืองัดง้างได้ ยิ่งใช้กันแบบสนุกและเมามัน ดังนั้น บนความเชื่อมั่นในคะแนนนิยมของนายใหญ่ ก็ต้องมีการหยั่งเชิงและเกาะติดความเคลื่อนไหวของฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์อย่างไม่ลดละ ขณะที่การยื่นหมูยื่นแมวนั้นมาถึงวันที่ไม่มีทางที่จะกอดคอไว้วางใจกันได้อีกต่อไป

แต่จะบอกว่าไม่มีเสียทีเดียวก็คงไม่ได้ การเมืองเรื่องอำนาจในประเทศไทยนั้น ต่อให้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างไร สุดท้ายก็หนีไม่พ้นที่จะต้องสงวนจุดต่างแสวงหาจุดร่วม เพื่อให้เกิดแรงกระเพื่อมต่อเสถียรภาพของผู้กุมอำนาจให้น้อยที่สุด เพียงแต่ว่าบทบาทที่เห็นกันหน้าฉากต้องตีหน้ายักษ์ขู่ แต่เบื้องหลังบางครั้งก็ยิ่งกว่าละครน้ำเน่าช่วงหลังข่าวเสียอีก

ทว่าในแง่ของพรรคการเมืองที่จะเข้าสู่สนามเลือกตั้งหนหน้า ถ้าแยกแยะตามหน้าเสื่อที่เป็นอยู่คือ พรรคไม่เอาคสช. พรรคแทงกั๊กและพรรคหนุนคสช.แบบสุดลิ่มทิ่มประตู สองประเภทหลังนั้นคงไม่ต้องพูดถึง แต่พวกแรกเกิดคำถามว่า การไม่เอาคสช.นั้นเป็นเพราะอุดมการณ์ประชาธิปไตยโดยแท้หรือพลาดหวังจากการไม่ได้รับอานิสงส์ใด ๆ จากการรัฐประหารจึงต้องออกมาโวยวาย ตีหน้ายักษ์ขู่

หากดูตามหน้าข่าว ถ้าพวกที่ไม่เอาคสช.รวมไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพิ่งไปขึ้นเวทีเสวนาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประกาศแก้รัฐธรรมนูญและบรรดามรดกตกทอดของคณะเผด็จการ หากยืนหลักหนักแน่นเช่นนี้ไปตลอด ก็จะถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่มีสองพรรคใหญ่แสดงความมุ่งมั่นในการไม่ยอมรับขบวนการสืบทอดอำนาจ

แต่ถ้าไม่ใช่ ที่เห็นเป็นแค่ละครแหกตา เหมือนอย่างที่ท่านผู้นำเคยขู่ไว้สำหรับหัวหน้าบางพรรคการเมือง อย่ารีบแสดงท่าทีหรือให้สัมภาษณ์ในเชิงเป็นปฏิปักษ์กับคสช.และอย่ามาเปลี่ยนท่าทีหลังเลือกตั้ง นั่นก็เท่ากับว่า ประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยหรือคนที่หวังจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ไม่ใช่การจมปลักอยู่กับสิ่งที่คณะเผด็จการคสช.สร้างขึ้นคงวังเวงกันน่าดู

สิ่งสำคัญสำหรับฝ่ายที่แสดงจุดยืนต่อต้านและต้องการปรับแก้บรรดากับดักของคณะเผด็จการคงอยู่ที่ความจริงใจ และการรวมพลังเพื่อกำจัดสิ่งที่เห็นว่าเป็นภัยต่อการพัฒนาประชาธิปไตย แต่หากยังเป็นการสร้างวาทกรรมเพื่อสร้างภาพและเรียกคะแนนนิยม โดยที่ไม่ได้มีเจตนาที่จะเป็นเช่นที่พูดจริง ทุกสิ่งที่ผู้มีอำนาจอยากจะเห็นและให้เป็นไปก็เป็นไปได้และง่ายกว่าที่คิดเสียด้วยซ้ำ่

อย่างไรก็ตาม สำหรับประเภทที่ชอบคิดว่าประชาชนกินหญ้า หลอกยังไงก็ได้ให้ลองไปถาม ไพบูลย์ นิติตะวัน ในวันที่ไปขึ้นเวทีพร้อม 3 พรรคการเมืองที่ธรรมศาสตร์ พอประกาศว่าพรรคประชาชนปฏิรูปจะยึดหลักธรรมาธิปไตยมาเป็นแนวทางสำคัญแล้วถูกตะโกนสวน “มือถือสากปากถือศีล” รู้สึกหน้าม้านหรือไม่รู้สึกอะไร นี่แหละการเมืองยุคใหม่คนในยุคโซเชียลพร้อมที่จะฟังถ้าสิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริง มีเหตุมีผล และพร้อมที่จะโต้กลับโดยฉับพลันถ้าเห็นว่าสิ่งที่นำเสนอมานั้นแค่เรื่องหลอกเด็ก

Back to top button