DDD สู่ ‘เวชสำอาง’..ดีสมชื่อหรือไม่.!?

หลังเข้าตลาดหุ้นเพียง 6 เดือน บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD ในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิว ภายใต้เครื่องหมายการค้า NAMU LIFE โดยมี Fighter Brands ที่ชื่อว่า SNAILWHITE และธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (OEM)


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

หลังเข้าตลาดหุ้นเพียง 6 เดือน บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD ในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิว ภายใต้เครื่องหมายการค้า NAMU LIFE โดยมี Fighter Brands ที่ชื่อว่า SNAILWHITE และธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (OEM)

ในฐานะหุ้นน้องใหม่ ได้สร้างความประทับใจให้ผู้ถือหุ้นไม่น้อย เริ่มจากเข้าซื้อขายวันแรก 26 ธ.ค. 2560 ราคาปรับขึ้นไปปิดที่ระดับ 85 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 60% จากราคาไอพีโอ 53 บาท เรียกว่าเป็นหุ้นไอพีโอตัวสุดท้ายของปี 2560 ที่สร้างกำไรให้นักลงทุนกันถ้วนหน้าเลยทีเดียว

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2561 โชว์ตัวเลขกำไร 112 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยอัตรากำไรสุทธิเกือบ 30% พร้อมกับมีส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) เป็นอันดับ 6 ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า (Facial Moisturizer) โดย Market Share เพิ่มขึ้นจาก 3.7% เป็น 6% ล่าสุดมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่าน Duty Free จำนวน 4 สาขา และกำลังเพิ่มขึ้นอีก 2 สาขา คือ Duty Free ภูเก็ต และดอนเมือง

ทว่า..ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ DDD เข้าซื้อแบรนด์อ๊อกซี่เคียว (OXE’CURE) จากบริษัท เวลโกร เมด จำกัด การเข้าทำรายการดังกล่าว ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่จาก “ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว” ไปสู่ “เวชสำอาง” เพื่อเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ อีกทั้งขยายฐานลูกค้าให้กว้างยิ่งขึ้น โดยผลิตภัณฑ์แบรนด์ OXE’CURE มุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์เวชสำอางรักษาสิวทั้งผิวหน้าและผิวกาย ถือเป็นตลาดใหม่ของ DDD นั่นเอง

ปัจจุบันสินค้า OXE’CURE มีการจัดจำหน่ายทั่วประเทศ ทั้งร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) อย่างบู๊ทส์ และวัตสัน ทุกสาขา ร้านค้าสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น และร้านค้าขายยาทั่วประเทศ กว่า 10,000 ร้าน ที่สำคัญ คุณภาพผลิตภัณฑ์ OXE’CURE ถือเป็นที่ยอมรับให้ใช้ในสถาบันโรคผิวหนังอีกด้วย

ด้วยศักยภาพด้านการทำตลาดและการสร้างแบรนด์สินค้าในตลาดทั้งในและต่างประเทศ ผ่านช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่งของ DDD ผนึกกับจุดแข็ง OXE’CURE ที่มีจุดเด่นด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์เวชสำอางและได้รับการเชื่อถือมากว่า 10 ปี

นั่นจึงทำให้การเติบโตของรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ..!!

ในเชิงยุทธศาสตร์การได้เป็นเจ้าของ OXE’CURE ถือเป็นอีกขั้นของการก้าวเข้าสู่เป้าหมายการเป็น 1 ใน 3 ของผู้นำด้านธุรกิจความงามกลุ่มประเทศเอเชีย ทำให้ DDD สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้ามากยิ่งขึ้น และเป็นการขยายกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ คือ กลุ่มวัยรุ่น และกลุ่มผู้ชาย ที่ไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ DDD มาก่อนเลย

มีการประเมินกันว่าตลาดผลิตภัณฑ์รักษาสิวในประเทศปี 2560 มีมูลค่า 1,100 ล้านบาท ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ตลอดช่วง 5 ปีข้างหน้า ถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกาย โดยรวมปัจจัยการเติบโตหลักมาจากการให้ความสำคัญต่อการดูแลผิวมากขึ้นและกำลังซื้อสูงขึ้นอีกเช่นกัน

จึงเป็นที่น่าสนใจว่าจากโมเดลธุรกิจของ DDD ดังกล่าว จะถือเป็นโอกาสขยายฐานลูกค้า ช่องทางการขาย เพื่อเพิ่มยอดขายทั้งในและต่างประเทศมากน้อยเพียงใด

เพราะนั่นหมายถึงคำตอบสุดท้ายที่ว่า “หุ้น DDD ดีสมชื่อหรือไม่”..นั่นเอง..!??

…อิ อิ อิ…

Back to top button