WORK พ้นจุดต่ำสุด ?

ตีแผ่บจ.ดัง

คุณนพชัย จากพระราม 3 กรุงเทพฯ พูดถึงราคาหุ้น WORK หรือ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ไหลรูดลงมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน น่าจะเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า บริษัทผ่านจุดพีกในการทำธุรกิจ และเข้าสู่ช่วงถดถอยอย่างเต็มตัว ล่าสุดดูเหมือนว่า ราคาหุ้นจะเริ่มถีบตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีวอลุ่มซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงน่าจะถึงเวลากลับมาเป็นขาขึ้นเสียที ไม่ทราบว่า อาจารย์มีความคิดเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร ?

 

ประเด็นของหุ้น WORK หรือ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นอะไรที่พูดยากพอสมควร เพราะไม่มีใครรู้ว่า ทิศทางของบริษัทจะฟื้นจริงตามที่หลายคนคาดการณ์หรือไม่ เพราะองค์ประกอบหลายอย่างยังไม่เอื้อให้กับตัวบริษัทอย่างเห็นเนื้อเห็นหนัง

นั่นทำให้อาจารย์รู้สึกหนักใจอย่างมาก หากจะออกตัวแทนกลุ่มผู้บริหารว่า ตัวเลขกำไรในปี 2561 จะโดดเด่นกว่าปี 2560 เพราะมันไม่มีตัวแปรไหนทำให้เชื่อเช่นนั้น

เนื่องจากข้อมูลที่เห็นในเวลานี้คือ กำไรในไตรมาส 1 ปี 2561 ยังห่างไกลจากกำไรของทั้งปี 2560 และที่ผ่านมายังต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะงักงัน จึงไม่มีทางเป็นไปได้ที่ผลประกอบการจะโตเกินคาด และราคาหุ้นไม่น่าจะไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่นะครับ

ด้วยเหตุนี้ถึงต้องคาดคะเนกันเอาเองว่า กำไรต่อหุ้นปีนี้น่าจะอยู่ในระดับ 1.60 บาท (คิดแบบบวก โดยเอากำไรต่อหุ้น 0.38 บาท คูณ 4 ไตรมาส จะได้กำไรทั้งปี)

หากอยู่ในระดับดังกล่าว อาจตีราคาคร่าว ๆ ด้วยตนเอง โดยอิงกับค่า P/E ตลาดหุ้นที่ 20 เท่า ก็จะได้ราคาเป้าหมายที่ระดับ 32 บาท หรือหากเชื่อมั่นว่า ตัวบริษัทจะดีขึ้นกว่านี้อีก อาจให้พรีเมียมเทรดที่ระดับ 25 เท่า ก็จะได้ราคาเป้าหมาย 40 บาทนะครับ

ถ้ามองว่าระดับดังกล่าวยังต่ำเกินไป สามารถขยับค่า P/E ขึ้นไปถึงระดับ 40 เท่า (หากคิดว่ากำไรในอนาคตจะดีขึ้นจริง ๆ) ราคาเป้าหมายของหุ้นตัวนี้จะอยู่ที่ระดับ 64 บาทเลยทีเดียว

วันนี้ถึงต้องพูดกันตรง ๆ ว่า สถานการณ์ของหุ้น WORK เดาทางลำบากจริง ๆ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ ไม่มีใครรู้ว่าจะยืนระยะได้นานเพียงใด หรือถ้ามองไปในปี 2561 จะกลับมาทำกำไรอย่างโดดเด่น ต้องมั่นใจว่ากำไรทั้งปีจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 660 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเองมากเกินไปหน่อย

ด้วยเหตุนี้ ถึงไม่มีความจำเป็นต้องทิ้งน้ำหนักสุดตัวไปกับหุ้น WORK แต่ควรใช้กลยุทธ์เล่นสั้น ๆ เพื่อเน้นการทำรอบให้เยอะขึ้น เพราะการกระชากขึ้นเที่ยวนี้ย่อมมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่ ๆ แต่ความชัดเจนดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม จึงไม่มีเหตุผลต้องคิดในแบบโลกสวยนั่นเอง

เนื่องจากหน้าที่ของนักลงทุนคือ การทำกำไรให้ได้ทุกวิถีทาง ส่วนหน้าที่ของผู้บริหารคือ ต้องทำกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้นมากสุดเท่าที่จะทำได้นะครับ

สภาแมงเม่า : ดร.สมชาย

…