TOP : CFP พลิกโฉมโรงกลั่นไทยออยล์

จากกรณีคณะกรรมการบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP อนุมัติการลงทุนโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) ด้วยเม็ดเงินลงทุน 165,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนโครงการทั้งหมด 160,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้าง 5,016 ล้านบาท มีกำหนดเริ่มดำเนินการตามแผนลงทุนภายในเดือน ก.ย. 2561 เริ่มการก่อสร้างในเดือน พ.ค. 2562 และแล้วเสร็จไตรมาส 1/2566


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

จากกรณีคณะกรรมการบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP อนุมัติการลงทุนโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) ด้วยเม็ดเงินลงทุน 165,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนโครงการทั้งหมด 160,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้าง 5,016 ล้านบาท มีกำหนดเริ่มดำเนินการตามแผนลงทุนภายในเดือน ก.ย. 2561 เริ่มการก่อสร้างในเดือน พ.ค. 2562 และแล้วเสร็จไตรมาส 1/2566

โดยเงินทุนดังกล่าวมาจากกระแสเงินสดประมาณ 83,000 ล้านบาท เงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงินและ/หรือเงินทุนจากการออกและเสนอขายตราสารหนี้ เช่น การออกหุ้นกู้ ประมาณ 49,800-66,400 ล้านบาท ส่วนที่เหลือมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในอนาคตประมาณ 53,000 ล้านบาท

เป้าหมายหลักโครงการ CFP คือ การเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพ กระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และขยายกำลังการกลั่นน้ำมัน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น ทำให้สามารถกลั่นน้ำมันดิบได้มากขึ้นและหลากหลายชนิดยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดการประหยัดด้านขนาด (Economies of Scale) และลดต้นทุนวัตถุดิบ..

เมื่อเจาะลึกโครงการ CFP ดังกล่าว พบว่า ทำให้ TOP สามารถเพิ่มความสามารถการผลิตน้ำมันดิบ (Crude Oil) ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่นด้านการผลิต (Flexibility) และต้นทุนลดลง ทำให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเบา (Light Crude) กับน้ำมันหนัก (Heavy Crude) มากยิ่งขึ้น และเพิ่มสัดส่วนการใช้ Heavy Crude ประมาณ 40-45% นั่นหมายถึงลดต้นทุนประมาณ 13,000-15,000 ล้านบาทเลยทีเดียว

ที่สำคัญโครงการ CFP สามารถอัพเกรดการผลิตจากน้ำมันหนักที่เห็นได้ชัดเจนคือ น้ำมันเตา (HSFO) ไปเป็นน้ำมันเครื่องบิน (Jet Oil) และน้ำมันดีเซล (Diesel) จากปัจจุบันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ (Spread) ระหว่าง Jet Oil กับ HSFO เฉลี่ยอยู่ประมาณ 15-20 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือประมาณ 4,500-6,000 ล้านบาท พร้อมกันนี้ โครงการ CFP จะเพิ่มกำลังการผลิตโรงกลั่นไทยออยล์สู่ระดับ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน จากเดิมมีกำลังผลิตอยู่ที่ 275,000 บาร์เรลต่อวัน

โครงการ CFP ดังกล่าว ถือว่าสอดรับกับมติ ทยออยล์ ครม. (27 มิ.ย. 2561) ที่อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังดำเนินการต่อสัญญาเช่าที่ราชพัสดุเป็นระยะเวลา 30 ปี คิดเป็นค่าเช่ารวม 12,000 ล้านบาท (ปีละ 400 ล้านบาท) ให้แก่บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP บนเนื้อที่ 1,499 ไร่ ที่จังหวัดชลบุรี เพื่อเตรียมขยายลงทุนของโรงกลั่นไทยออยล์นั่นเอง

แต่ทว่า..ความเสี่ยงของ TOP อยู่ที่เม็ดเงินลงทุนมากถึง 160,000 ล้านบาท ที่แม้เม็ดเงินลงทุนเกือบ 70% จะมาจากกระแสเงินสดจากดำเนินงานปัจจุบันและอนาคต แต่เชื่อว่า “ผู้ถือหุ้นรายย่อยอาจไม่ค่อยสบายใจนัก” และมีโอกาสที่จะถูกตั้งคำถามได้ว่า “การที่ต้องใช้กระแสเงินสดเพื่อโครงการ CFPจะกระทบต่อเงินปันผล TOP หรือไม่..!?

เชื่อว่าคำถามนี้ “อธิคม เติบศิริ” ซีอีโอ TOP มีคำตอบให้กับผู้ถือหุ้นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น TOP วันที่ 27 ส.ค. 2561 อย่างแน่นอน..!??

….อิ อิ อิ…

Back to top button