TKN พุ่งเกือบ 9% คาดกำไร Q2/61 โต 44% สู่ระดับ 195 ลบ. หลังต้นทุนสาหร่ายลด
TKN พุ่งเกือบ 9% คาดกำไร Q2/61 โต 44% สู่ระดับ 195 ลบ. หลังต้นทุนสาหร่ายลด โดย ณ เวลา 14.58 น. ราคาอยู่ที่ 16 บาท บวก 1.30 บาท หรือ 8.84% สูงสุดที่ 16 บาท ต่ำสุดที่ 14.80 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 77.74 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ณ เวลา 14.58 น. ราคาอยู่ที่ 16 บาท บวก 1.30 บาท หรือ 8.84% สูงสุดที่ 16 บาท ต่ำสุดที่ 14.80 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 77.74 ล้านบาท
ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (25 มิ.ย.) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20 บาท/หุ้น โดยคาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 เติบโต 44% จากปีก่อน และ 28% จากไตรมาสก่อน หนุนโดยต้นทุนสาหร่ายที่ปรับตัวลดลง 10% จากปีก่อน พร้อมทั้ง Tax benefit จากการผลิตที่โรงงานโรจนะ ซึ่ง TKN ได้ย้าย order จากตลาดต่างประเทศมาผลิตที่นี่ คาดว่า tax rate ในไตรมาส 2/61 จะอยู่ที่ 15%
สำหรับ TKN USA คาดว่าเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/61 และมีแผนที่จะจำหน่ายในตลาด Mainstream ของ USA ซึ่งส่งผลบวกต่อ TKN ในระยะยาว สำหรับปี 2561 คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ที่ 793 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.4% จากปีก่อน คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 20 บาท ชอบแผนการขยายธุรกิจไปในตลาดต่างประเทศของบริษัทฯ
โดยตั้งเป้าที่จะเป็น Global snack company ในปี 2567 ปัจจุบันบริษัทฯได้ออกผลิตภัณฑ์อื่นนอกจากสาหร่าย เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น มองตลาด snack ของไทยและทั่วโลกมีโอกาสเติบโตอีกมาก ปัจจุบัน TKN เทรดอยู่ที่ -1SD PER Avg of 39.2x และมี PEG อยู่ที่ 1.1x ซึ่งต่ำกว่า peer
ทั้งนี้ คาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 อยู่ที่ 195 ล้านบาท เติบโต 44% จากปีก่อน และ 28% จากไตรมาสก่อน หนุนโดยต้นทุนสาหร่ายที่ลดลง โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้ต้นทุนสาหร่ายใหม่ซึ่งต่ำกว่าต้นทุนเดิมอยู่ที่ 10% จากปีก่อน ในไตรมาส 2/61 ทั้งนี้มองว่าจะรับรู้ต้นทุนสาหร่ายใหม่เต็มที่ในไตรมาส 3/61 เป็นต้นไป เนื่องจากไตรมาส 2/61 ยังคงมีต้นทุนสาหร่ายเดิมค้างอยู่
อีกทั้ง ได้ Tax benefit จากการผลิตที่โรงงานโรจนะ ซึ่งปัจจุบันมีไลน์การผลิตทั้งสาหร่ายทอด อบ ซึ่งปัจจุบันทาง TKN ได้ย้าย order จากตลาดต่างประเทศมาผลิตที่โรงงานโรจนะ เราคาดว่า tax rate ในไตรมาส 2/61 จะอยู่ที่ 15% ทั้งนี้เราคาดว่าทาง TKN จะเริ่มใช้ Tax benefit ในส่วนของไลน์สาหร่ายย่างที่โรงงานโรจนะในช่วงไตรมาส 4/61
สำหรับ TKN USA คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/61 โดยการผลิตและการจัดจำหน่ายทั้งหมด 3 กลุ่ม คือ OEM, แบรนด์ NORA และแบรนด์ Taokaenoi ซึ่งมีแผนที่จะจัดจำหน่ายในตลาด Mainstream ของ USA โดยใช้แบรนด์ NORA ซึ่งเดิมทาง TKN ได้มีการจำหน่ายแบรนด์ Taokaenoi ใน Asian groceries ของอเมริกาอยู่แล้ว มองว่าการเข้าตลาด Mainstream จะส่งผลบวกต่อ TKN ในระยะยาว เนื่องจาก Seaweed snack ได้กลายเป็น mainstream snack ของอเมริกา และ75 – 80% ของ Seaweed snack เป็น organic seaweed
โดยมองว่าตลาดอเมริกาสำหรับTKN ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น และมีโอกาสเติบโตสูง โดยจุดแข็งของทางเถ้าแก่น้อย คือการผลิตสาหร่ายอบแบบ Organic และจำหน่ายที่อเมริกา ทำให้ได้ความสดใหม่มากกว่าสาหร่ายอบ organic ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในอเมริกา ทาง TKN ได้ตัดสินใจลงทุนเครื่องจักรที่โรงงานในสหรัฐอเมริกา คือ เครื่องโรยผงปรุง และ เครื่อง Multi-packing ติดตั้งเสร็จเดือน ก.ค.
อย่างไรก็ตาม คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ที่ 793 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.4% จากปีก่อน ส่งผลมาจากDomestic spending sentiment ที่ฟื้นตัว เราคาดว่ายอดขายในประเทศที่คาดว่าจะเติบโต 7% จากปีก่อน
รวมทั้ง Gross profit margin จะขยายตัวจาก ต้นทุนสาหร่ายที่ลดลง 10% จากปีก่อน และ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มี gross profit margin ที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์ปัจจุบัน และ Utilization rate ที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 83% พร้อมด้วยรายได้จากต่างประเทศเราคาดว่าจะเติบโตโดดเด่นที่ 15% จากปีก่อน จากแผนการรุกตลาดจีนโดย TKN มีแผนที่จะเปิด Flagship store ในจีนในไตรมาส 2/61 และรายได้จากโรงงานใหม่ที่สหรัฐเราคาดว่าจะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 4/61 และ corporate income tax ที่ลดลงอยู่ที่ 12% จากส่วนของโรงงานใหม่ที่ได้ BOI
โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ”ที่ราคาเป้าหมาย 20 บาท อิง DCF เราชอบแผนการขยายธุรกิจไปในตลาดต่างประเทศของบริษัทฯ โดยบริษัทฯตั้งเป้าที่จะเป็น Global snack company ในปี 2567 ปัจจุบันบริษัทฯได้ออกผลิตภัณฑ์อื่นนอกจากสาหร่าย เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น ซึ่งล่าสุดบริษัทฯได้เข้าร่วมลงทุนกับกลุ่มบริษัท มารุอิสุ เพื่อผลิตขนมขบเคี้ยว เรามองตลาด snack ของไทยและทั่วโลกมีโอกาสเติบโตอีกมาก ปัจจุบัน TKN เทรดอยู่ที่ -1SD PER Avg of 39.2x และมี PEG อยู่ที่ 1.1x ซึ่งต่ำกว่า peer (อิง CAGR 2017-2020 = 25.5%)