ผู้ถือหุ้นKTCไฟเขียวแตกพาร์บาทเปิดทางรายย่อยเก็บหุ้นเข้าพอร์ต จับตาหุ้นภาคเช้าวิ่งกระฉูด!
ผู้ถือหุ้นKTCไฟเขียวแตกพาร์บาทเปิดทางรายย่อยเก็บหุ้นเข้าพอร์ต! จับตาหุ้นเปิดเช้ากระฉูด
สืบเนื่องจากกรณีที่ประประชุมคณะกรรมการบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ครั้งที่ 6/2561 เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของบริษัทฯจากเดิมมูลค่าหุ้นละ 10 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 1 บาท โดยมติดังกล่าวได้มีการนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 เพื่อพิจารณาอนุมัติในวันนี้ (6 ก.ค. 2561)
ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า ผู้ถือหุ้น KTC มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติแตกพาร์เป็น 1 บาทจากเดิม 10 บาท โดยภายหลังการแตกพาร์จะส่งผลให้จำนวนหุ้นสามัญจำนวน 257,833,407 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 2,578,334,070 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยจำนวนหุ้นสามัญที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 10 หุ้นสามัญใหม่ อนึ่งทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของบริษัทจะยังคงเดิมจำนวน 2,578,334,070 บาท
ทั้งนี้ คาดว่าประเด็นดังกล่าวจะส่งผลให้ราคาหุ้น KTC ในวันนี้ปรับตัวขึ้นแรง หลังผู้ถือหุ้นอนุมัติให้ทำการแตกพาร์เหลือ 1 บาท เนื่องจากราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงที่ประมาณ 35 บาท ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าซื้อหุ้นได้ง่ายขึ้นจากเดิมที่ต้องใช้เงินถึง 350 บาทต่อหุ้น KTC หนึ่งหุ้น
ด้าน นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย หรือ KTC เปิดเผยว่า การแตกพาร์ตอนนี้เหมาะสมที่สุด เป็นโอกาสที่จะช่วยให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงหุ้นของเราได้มากขึ้น แต่ยืนยันว่าการแตกพาร์ครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อบริษัท ไม่ว่าจะแผนธุรกิจ หรือสัดส่วนการถือหุ้น โดยจะเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 6 ก.ค.นี้ เพื่ออนุมัติแตกพาร์ หลังจากนั้นก็จะเป็นกระบวนการซื้อขายได้ภายใน 1 สัปดาห์ (ประมาณวันที่ 12-13 ก.ค.นี้)
ทั้งนี้ ในกรณีที่คณะกรรมการบริษัทมีมติแตกพาร์ จากเดิม 10 บาทต่อหุ้น เป็น 1 บาทต่อหุ้น ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม และเพื่อให้รายย่อยเข้าถึงการถือหุ้นของ KTC เนื่องจากราคาหุ้นของ KTC ได้ปรับตัวขึ้นมากแล้ว และเมื่อราคาสูงมากอาจทำให้ราคาเคลื่อนไหวได้ยาก
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า KTC ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 6 ก.ค.นี้ คาดได้อนุมัติแตกพาร์ คณะกรรมการบริหารได้อนุมัติให้บริษัมีการแตกพาร์จาก 10 บาทเป็น 1 บาทไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2561 และจะนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติในวันที่ 6 ก.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับอนุมัติ ทั้งนี้หลังแตกพาร์เป็น 1 บาท จำนวนหุ้นเรียกชำระแล้วจะเพิ่มเป็น 2,578.3 ล้านหุ้น
โดย สภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นดีขึ้น การแตกพาร์ไม่มีผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัท และ WEALTH ของผู้ถือหุ้นก็เท่าเดิม แต่ทำให้การซื้อขายหุ้นคล่องตัวมากขึ้น ราคาหุ้นที่ลดลงจากเลขสามหลักเป็นสองหลักเปิดช่องให้นักลงทุนรายย่อยเข้ามาซื้อขายได้มากขึ้น
สำหรับข้อมูลการเงินและ Valuation เบื้องต้น ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2561 บริษัทมีสินทรัพย์ 7 หมื่นล้านบาท หนี้สิน 5.6 หมื่นล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 1.38 หมื่นล้านบาท มี BVS 53.5 บาท/หุ้น และ D/E Ratio 4.1 เท่า ส่วนกำไรสุทธิไตรมาสแรก เท่ากับ 1.21 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% จากไตรมาส 2/2560 และ 29% จากไตรมาส 1/2561 ในด้าน VALUATION ณ ราคาปัจจุบันมี Trailing P/E 25 เท่า และ P/BV 6.9 เท่า