เกมเปลี่ยนตลอดเวลา!
*หากมองสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยที่พลิกไปพลิกมาตลอดทั้งสัปดาห์ ย่อมตีโจทย์การเล่นเที่ยวนี้ได้หลากหลายมุมมอง ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวคนเหล่านั้นยืนอยู่ในมุมไหน? “โมนิก้า” ในฐานะผู้หญิงปากร้ายใจดีในวงการตลาดหุ้น จึงขันอาสาเป็นคนกะเทาะเปลือกบริษัทสีเทาทั้งหลายแหล่ เพื่อทำให้ทุกคนได้เห็นภาพของ เกมหุ้นมันเป็นอย่างไร? เกมปล้นมีวิธีการอย่างไร และเกมแหลเขาทำได้อย่าง? ชัดเจนขึ้นพะยะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*หากมองสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยที่พลิกไปพลิกมาตลอดทั้งสัปดาห์ ย่อมตีโจทย์การเล่นเที่ยวนี้ได้หลากหลายมุมมอง ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวคนเหล่านั้นยืนอยู่ในมุมไหน? “โมนิก้า” ในฐานะผู้หญิงปากร้ายใจดีในวงการตลาดหุ้น จึงขันอาสาเป็นคนกะเทาะเปลือกบริษัทสีเทาทั้งหลายแหล่ เพื่อทำให้ทุกคนได้เห็นภาพของ เกมหุ้นมันเป็นอย่างไร? เกมปล้นมีวิธีการอย่างไร และเกมแหลเขาทำได้อย่าง? ชัดเจนขึ้นพะยะค่ะ
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการขึ้นลงของดัชนี เพราะเมื่อมองดูเรื่องราวดังกล่าวอย่างละเอียดจะเห็นว่า มันแค่เป็นการดันหุ้นออกของราคาสูง ซึ่งเป็นงานถนัดของพวกกองทุนตัวแสบอยู่แล้ว เดี๊ยนถึงไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะในช่วงที่หุ้นถีบตัวขึ้นแรง ๆ มักไม่มีใครสนใจคำทักท้วงของใครทั้งนั้นไงล่ะคะ
*ด้วยเหตุนี้ถึงต้องถามใจผู้เล่นในตลาดหุ้นตอนนี้ว่า ดัชนีทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,614.76 จุด บวกไป 13.34 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.55 หมื่นล้านบาท มันมีอะไรที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ไหม? หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” ไม่มีความจำเป็นต้องโฆษณาชวนเชื่อเพื่อให้ทุกคนคล้อยตาม เพราะที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นหลายต่อหลายครั้งว่า อย่าไว้ใจทาง..อย่าวางใจเกมหุ้น อิอิอิ
*เหมือนกับเหตุการณ์ของหุ้น BEAUTY ก่อให้เกิดคำถามหลายข้อด้วยกัน และหนึ่งในหัวข้อที่มีการถกเถียงเยอะเหลือเกินคือ เรื่องการสื่อสารกับมวลชน จนทำให้กลุ่มผู้บริหารกลายเป็นตัวตลกของเรื่องนี้ “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่ผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นมองการซื้อหุ้นคืนเป็นเกมที่วางแผนไว้เป็นอย่างดี เพราะทันทีที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ราคาหุ้นก็เด้งจากราคาต่ำสุดของวันที่ระดับ 6.70 บาท ขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 8 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 11.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.09 หมื่นล้านบาทอย่างง่ายดายไงล่ะคะ
*อีกหนึ่งรายที่น่าสงสัย “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่ PTTGC ทะยานขึ้นมาปิดที่ 74 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป2.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.89 พันล้านบาท ทั้งที่ปัญหาของหายในบริษัทลูกยังไร้ข้อสรุป แต่ดันเข้ามาไล่ราคากันอย่างเอิกเกริก เดี๊ยนมองเป็นเกมหุ้นที่ค่อนข้างระห่ำเกินไปหน่อย จึงไม่ขอแสดงความคิดเห็นอะไรมากมายเกินกว่าคำว่า ยืนได้ไม่นานหรอกค่ะ
*เช่นเดียวกับบริษัทลูก GGC แม้ยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับคนในยักยอกสินค้าของบริษัท แต่ทุกคนก็รู้ถึงปลายทางของเรื่องจะต้องมีคนรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งในระหว่างทางต้องมีการตรวจสอบสินค้าที่เหลือให้ถูกต้อง จึงไม่ต้องแปลกใจหาก ก.ล.ต. จะเป็นคนสั่งให้บริษัทตั้ง special audit เพราะมันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ทุกคนสบายใจขึ้นกว่าเดิม แถมพรายกระซิบแถววิภาวดีเม้าท์มอยให้ฟังว่า หุ้นวิ่งขึ้นมาปิด 9.30 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 3.30% มันผิดธรรมชาติเกินไปหน่อยนะจ๊ะ
*อีกหนึ่งรายที่น่าเป็นห่วงในสายตาขาลุยในเที่ยวนี้กลายเป็น TASCO ถูกเทขายอย่างหนักตั้งแต่ต้นปี จนไร้วี่แววแรงเทขายจะหมดลงเมื่อไหร่ เดี๊ยนถือเป็นสถานการณ์ที่กดดันราคาหุ้นในกระดานอย่างมีนัยสำคัญ ล่าสุดดันมีข่าวไฟไหม้คลังน้ำมันสูญไป 2 หมื่นตัน เลยพาลทำให้หุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ 13.10 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 127 ล้านบาทอย่างง่ายดาย และมีแนวโน้มที่จะทรุดตัวลงไปอีกนะจะบอกให้
*เมื่อหุ้นลูกมีปัญหา หุ้นตัวแม่อย่าง TIPCO เลยได้รับผลกระทบตามไปด้วย เพียงแต่เที่ยวนี้ไม่ได้รุนแรงเหมือนก่อนหน้า เพราะราคาหุ้นในกระดานทรุดตัวรับข่าวบริษัทลูกไม่หนุนแม่มานานแล้ว จึงเห็นหุ้นยืนปิดที่ระดับ 8.40 บาท ลบไป 0.05 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 16 ล้านบาท “โมนิก้า” ฟันธงได้ในทันทีว่า ไม่มีใครสนใจหุ้นตัวนี้อีกแล้ว หุ้นถึงมีอาการเรื่อย ๆ เปื่อย ๆ และทำให้การขึ้นลงไม่มีอะไรต้องจดจำนะซี
*ส่วนที่มีนัยสำคัญจริง ๆ “โมนิก้า” กลับพุ่งเป้าไปยังพ่อดอกมะลิ JAS เริ่มมีแรงซื้อไหลเข้ามาเรื่อย ๆ จนหุ้นเริ่มเปลี่ยนโพสิชันจากขาลงเป็นขาขึ้นอีกครั้ง หุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.72 บาท บวกไป 0.26 บาท หรือขึ้นไป 5.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นถึง 350 ล้านบาท แต่เผอิญหุ้นดันมาปิดตรงบริเวณแนวต้านพอดี วันนี้ถึงต้องลุ้นให้หุ้นวิ่งผ่านไปแบบชิว ๆ เพื่อมองเป้าด้านบนแถว 5.20 บาทไงล่ะคะ
*เช่นเดียวกับดาวรุ่งของตลาดเอ็ม เอ ไอ DOD พยายามยืนต้านแรงเทขายตลอดเวลา จนเห็นฐานแนวรับที่แข็งแกร่งบริเวณ 12 บาทค่อนข้างชัดขึ้นเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่นักเล่นต้องเริ่มคิดให้ออกสักนิดหนึ่งว่า ใช่จังหวะที่ทยอยซื้อหรือเปล่า? ในเมื่อข้อมูลที่มีการเปิดเผยให้เห็นชัด ๆ คือ การขยายโรงงานจาก 1 ไร่ กลายเป็นพื้นที่ 17 ไร่ มันทำให้รายได้และกำไรโตขนาดไหน? และการที่ราคาหุ้นยืนปิดที่ 12.60 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 275 ล้านบาท ต่ำเกินไปสำหรับหุ้นที่มีสตอรี่ growth ใช่ไหมเอ่ย?