CHG เล็งเปิดโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่ง หนุนรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 20%
CHG เล็งเปิดโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่ง หนุนรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 20% คาดเปิดให้บริการ ต.ค.นี้
น.พ.พลสันต์ พลัสสินทร์ นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าหาโอกาสเปิดโรงพยาบาลใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ครอบคลุมจังหวัดทางภาคตะวันออกที่มีความชำนาญในพื้นที่ดังกล่าวมากที่สุด โดยเตรียมวางแผนลงทุนเปิดโรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรีและระยอง
ส่วนในปีนี้บริษัทเตรียมเปิดโรงพยาบาลเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 จ.ปราจีนบุรี เฟสแรกขนาด 30 เตียง จากทั้งหมด 100 เตียง คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการภายในเดือน ส.ค.61 และโรงพยาบาลรวมแพทย์ จ.ฉะเชิงเทรา เฟสแรก 30 เตียง จากทั้งหมด 100 เตียงเช่นกัน คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในอีก 3 เดือนข้างหน้า หรือเดือน ต.ค.61 จึงคาดหวังว่าจะทำให้รายได้รวมของบริษัทเติบโต
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนปีละราว 400-500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงและขยายโรงพยาบาลเดิม รวมทั้งลงทุนตั้งโรงพยาบาลใหม่ที่มีขนาดตั้งแต่ 100 เตียงเป็นอย่างต่ำ โดยจะเน้นการลงทุนสร้างเองตั้งแต่ต้น เพราะมองว่ามีความคุ้มค่าและง่ายต่อการบริหารจัดการมากกว่าการเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลเดิมมาปรับปรุงใหม่ ซึ่งปกติวงเงินลงทุนสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่จะอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท แต่ก็ขึ้นกับค่าที่ดินในแต่ละทำเลด้วย
โดย ณ สิ้นปี 60 บริษัทมีโรงพยาบาลและสถานพยาบาล รวมถึงคลินิกในกลุ่มรวมทั้งหมด 14 แห่ง ซึ่งคิดเป็นจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยรวม 495 เตียง
สำหรับรายได้ปี 61 บริษัทคาดจะเติบโตราว 15-20% โดยทิศทางผลประกอบการในครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีการเติบโตไม่น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลงานในไตรมาสที่ 3/61 จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปีตามฤดูกาลของธุรกิจโรงพยาบาล (ไฮซีซั่น)
ขณะเดียวกัน การเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ อาจไม่แตกต่างจากผลประกอบการครึ่งปีแรกมากนัก เนื่องจากทิศทางผลประกอบการในครึ่งปีแรกออกมาค่อนข้างดี โดยไตรมาส 1/61 รายได้เติบโตไปแล้วกว่า 25% และคาดว่าไตรมาส 2/61 จะเติบโตใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าจะมีการประกาศงบการเงินในเดือน ส.ค.61
“ภาพรวมอุตสาหกรรมในช่วงไตรมาส 2 บริษัทยังมองว่าจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสภาพอากาศในช่วงที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันซึ่งมีผลต่อการเกิดโรคระบาด เช่น ไข้หวัด ซึ่งมาเร็วและมีระยะเวลานานกว่าปกติ” น.พ.กำพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทมองเห็นโอกาสการเติบโตจากรายได้ภาคเอกชนมากกว่ารายได้จากภาครัฐ โดยเน้นเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้าเงินสดและประกันชีวิต ซึ่งการเติบโตจากรายได้ภาคเอกชนจะส่งผลให้การเติบโตตลอดทั้งปีดีขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้บริษัทยังเน้นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริมรายได้ให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของโรงพยาบาลจุฬารัตน์เป็นคนไข้ในกลุ่มชนชั้นกลาง-บน ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีลูกค้าและผู้รับบริการค่อนข้างมาก ประกอบกับสถานที่ตั้งของโรงพยาบาลอยู่ในบริเวณที่มีคู่แข่งไม่มาก ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลยังมุ่งเน้นในการพัฒนาแพทย์เฉพาะทาง อาทิ หัวใจ กระเพาะอาหารและลำไส้ มะเร็ง และด้านการผ่าตัดแผลเล็ก เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการของคนไข้
“ข้อดีของโรงพยาบาลเอกชนคือเวลามาแล้วเสียเวลาน้อย แปลว่าได้ตรวจเร็ว ได้รับการบริการเร็ว ที่สำคัญที่สุดคือห้องรับผู้ป่วยในของเราทำเหมือนโรงแรมเลย เพราะฉะนั้นเวลามารับบริการที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์จะรู้สึกว่าเป็นการบริการแบบโรงแรม ซึ่งอันนี้ผมคิดว่าเป็นอะไรที่แตกต่างจากที่อื่น” น.พ.กำพล กล่าว
ทั้งนี้ จุดเด่นของโรงพยาบาล จุฬารัตน์ 3 อินเตอร์คือศูนย์โรคหัวใจและหลอดเลือด และเป็นโรงพยาบาลเอกชนเพียงแห่งเดียวในเขตภาคตะวันออกของประเทศไทยที่มีศูนย์หัวใจครบวงจร รวมถึงมีความพร้อมสูงสุดในการตรวจวินิจฉัย และให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ โดยมีเครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ครอบคลุมในทุกๆ ด้านตลอด 24 ชั่วโมงภายใต้การรับรองมาตรฐานคุณภาพระดับโลก JCI และมีห้องตรวจสวนหัวใจ ห้องผ่าตัด หอพยาบาลผู้ป่วยหนักโรคหัวใจและหอพักผู้ป่วยหัวใจ (CCU) รวมถึงมีหน่วยฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจและปอด (Cardio-pulmonary rehabilitation unit) ไว้รองรับการดูแลภายหลังเข้ารับการรักษา