ทิ้งหุ้นหนีตาย
* วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” พูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า คนที่เล่นหุ้นตามสัญญาณเทคนิคแฮปปี้ทุกราย เพราะเที่ยวนี้ดัชนีขึ้นลงตามกรอบแนวรับแนวต้านค่อนข้างชัดเจน รวมทั้งค่าสัญญาณต่าง ๆ ที่ปรากฏให้เห็นยังบอกเล่ารายละเอียดการเคลื่อนตัวได้ค่อนข้างดี เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับหัดทำตัวเป็นสนลู่ลมเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองหักโค่นลงมาแบบง่าย ๆ ไงล่ะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
* วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” พูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า คนที่เล่นหุ้นตามสัญญาณเทคนิคแฮปปี้ทุกราย เพราะเที่ยวนี้ดัชนีขึ้นลงตามกรอบแนวรับแนวต้านค่อนข้างชัดเจน รวมทั้งค่าสัญญาณต่าง ๆ ที่ปรากฏให้เห็นยังบอกเล่ารายละเอียดการเคลื่อนตัวได้ค่อนข้างดี เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับหัดทำตัวเป็นสนลู่ลมเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองหักโค่นลงมาแบบง่าย ๆ ไงล่ะคะ
* เนื่องจากเป็นที่ทราบกันอย่างกว้างขวางว่า ตลาดหุ้นไทยกำลังอยู่ในช่วงของการปรับสมดุล หลังเงินทุนต่างชาติยังไหลออกไม่หยุด ทั้งที่เห็นกันทนโท่กองทุนตัวแสบที่เป็นผู้เล่นหลัก และสามารถต่อกรกับพวกฝรั่งขี้นกได้อย่างยอดเยี่ยม กลับโชว์ลีลาออกสเต็ปแทงกั๊กต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ภาพของการลงทุนถึงดูไม่สวยงามเอาเสียเลยนะจะบอกให้
* ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ไม่แปลกใจที่เห็นดัชนีทรุดตัวลงมาปิดที่ 1,627.69 จุด ลบไป 15.83 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.65 หมื่นล้านบาท เพราะมันเป็นช็อตต่อเนื่องที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดสัญญาณ doji star และสิ่งที่ปรากฏให้เห็นในเที่ยวนี้คือ ทิ้งหุ้นใหญ่หนีไปเล่นหุ้นกลางเล็ก เดี๊ยนถึงต้องปรับจูนเรดาร์ไปยังแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาบริเวณ 1,620 จุดอีกรอบพะยะค่ะ
* แม้ตอนนี้เส้นแนวรับ 10 วันจะยกตัวขึ้นไปยืนแถว 1,630 จุด แต่บริเวณดังกล่าวยังไม่ใช่จุดเปลี่ยนสำคัญของการเล่น เพราะสัญญาณเทคนิค RSI กับ Modified Stochastic หัวยังปักลงดิน “โมนิก้า” ถึงไม่มั่นใจว่า หุ้นใหญ่จะรอดสันดอนสักกี่ตัว หลังสตอรี่ที่เคยเป็นตัวอุ้มชูหุ้นไม่เด่นเหมือนเมื่อก่อน บวกกับสถานการณ์ในเที่ยวนี้ไม่นิ่งเท่าที่ควร อะไรหลายอย่างเลยดูเคว้งคว้างไปหมดเจ้าค่ะ
* เหมือนกับการสาดหุ้น TISCO ทิ้งแบบไม่มีเยื่อใยไมตรี “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ผิดสำแดงเอามาก ๆ เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งเต้าข่าวกำไรกันไม่ทันไร จู่ ๆ มีข่าวร้ายโผล่ขึ้นมาให้เห็นเยอะแยะไปหมด มันเป็นเกมที่โหดผิดมนุษย์มนาเหลือเกิน ยิ่งใครได้เห็นสัญญาณแท่งเทียนสีแดงยาวปรี๊ด..ดดด 2 แท่งติดกัน ยิ่งหัวใจจะวายตายคาหน้ากระดานหุ้นกันเลยทีเดียว เดี๊ยนถึงไม่มีคำบรรยายกล่าวปลอบใจ เมื่อเห็นหุ้นลงมาปิดที่ 74.25 บาท ลบไป 6.25 บาท หรือลงไป 7.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.12 พันล้านบาทนะจะบอกให้
* เช่นเดียวกับในรายของ KTC ปิดเกมหุ้นแบบโหดสลัดรัสเซีย ย่อมมีคนด่าตามหลังเยอะแยะไปหมด เพราะสตอรี่ที่เคยป่าวประกาศจะออกมาดี เอาเข้าจริงก็ไม่มีอะไรเสียหาย เหตุไฉนผู้เล่นเลยกระหน่ำเทขายหุ้นไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ 23.10 บาท ลบไป 9.90 บาท หรือติดฟลอร์ 30% เป็นที่เรียบร้อย ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.58 พันล้านบาท พร้อมกับมีคนตั้งคำถามคุณพี่ “ระเฑียร” หันมาเล่นเกมหุ้นกับเขาด้วยเหรอ?
* สำหรับรายที่ผู้คนในตลาดหุ้นฟันธงเล่นเกมหุ้นแน่นอนอย่าง BEAUTY กลายเป็นปัญหาหนักอกหนักใจสำหรับพวกนักเล่นหุ้นสไตล์คุณค่า เพราะผู้เล่นส่วนใหญ่ขาดทุนยับเยินชนิดที่หมอไม่รับเย็บ จนต้องซมซานกลับไปเลียแผลด้วยตนเองแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งมหากาฬที่แมงเม่ายังเม้าท์ไม่เลิก แถมวานนี้หุ้นทิ้งตัวลงมาปิดที่ 7.40 บาท ลบไป 0.55 บาท หรือลงไป 6.90% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.60 พันล้านบาท ยิ่งเม้าท์กันสนุกยกใหญ่นะจะบอกให้
* ส่วนการร่วงหล่นของเสือนอนกิน AOT กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้นักเล่นต้องถอยไปเล่นเกมรับกันมากขึ้น พร้อมกับจับจ้องมองไปยังแนวรับสุดท้ายบริเวณ 62 บาทกันเป็นแถว เพราะเมื่อมองดูจากแรงขายที่กดหุ้นลงมานอนอยู่ที่ 63.25 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 2.70% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.67 พันล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมเกิดอาการระเหี่ยใจตามอารมณ์ของแฟนคลับ และต้องเกาะติดสถานการณ์ของตลาดหุ้นมากขึ้นกว่าเดิมนะจ๊ะ
* เช่นเดียวกับสถานการณ์ของน้องมิ้น MINT เจอสารพันปัญหาถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน จนผู้เล่นเกิดอาการฝ่อไปตามกันนั้น “โมนิก้า” มองเป็นอีกหนึ่งบทเรียนของนักเล่นหุ้นที่ต้องพึงสังวรไว้ให้ดีว่า อย่าไว้ใจอะไรง่าย ๆ เป็นอันขาดในช่วงที่ทุกอย่างยังไม่นิ่ง ยิ่งตัวบริษัทได้รับผลกระทบเรื่องน้ำมันทรานส์ ยิ่งต้องทำความเข้าใจสาเหตุที่ทำให้หุ้นลงมาปิดที่ 33.75 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 390 ล้านบาทไงล่ะค่ะ
* คล้ายกับกรณีของ AU เพิ่งโดนข่าวเม้าท์กำไรลดเล่นงานไม่ทันไร ล่าสุดมาเจอข่าวน้ำมันทรานส์เล่นงานอีกรอบ หุ้นเลยเสียทรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แถมเที่ยวนี้มีแววลงไปตั้งหลักแถวบริเวณ 7 บาท ย่อมเป็นสถานการณ์ที่ทำให้แมงเม่าต้องใส่เกียร์ถอยลูกเดียว หลังหุ้นลงมายืนปิดที่ 8.55 บาท ลบไป 0.55 บาท หรือลงไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 48 ล้านบาท มันสะท้อนว่า ไม่มีใครอยากเข้าไปรับของร้อนเจ้าค่ะ