STEC ท็อปพิคกลุ่ม! ลุ้นกำไร Q2 โตแจ่ม ครึ่งปีหลังพุ่งต่อ พร้อมลุยประมูลงานเพียบ

STEC ท็อปพิคกลุ่ม! ลุ้นกำไร Q2 โตแจ่ม ครึ่งปีหลังพุ่งต่อ พร้อมลุยประมูลงานเพียบ


สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2561 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กม. วงเงินรวม 85,345 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 62

โดยในเบื้องต้นแบ่งการก่อสร้าง เป็น 3 สัญญา ได้แก่สัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย-งาว ระยะทาง 104 กม.วงเงิน 26,704 ล้านบาท สัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย ระยะทาง 135 กม. วงเงิน 28,735 ล้านบาท สัญญาที่ 3 ช่วง เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 84 กม. วงเงิน 17,482 ล้านบาท ค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ 10,660 ล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษา 1,764 ล้านบาท โดยรัฐรับภาระค่าดำเนินการทั้งโครงการ โดยสำนักงบประมาณจะจัดสรรงบรายปีหรือกระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ค้ำประกันตามความเหมาะสม

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ของหุ้นบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่มรับเหมา โดยนักวิเคราะห์มองจะได้รับอานิสงส์จากประเด็นดังกล่าว และเลือกให้ STEC เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม

โดย นักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น STEC พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 29.50 บาทต่อหุ้น โดยคาดกำไรปกติไตรมาส 2/61เติบโต 11% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากรายได้ก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นมาก

รวมทั้งคาดครึ่งหลังปี 61 จะเติบโตสูงต่อเนื่องทั้งเมื่อเทียบจากปีก่อน และเมื่อเทียบจากครึ่งแรกปี 61 ตามรายได้ก่อสร้างที่เร่งขึ้นจากงานรถไฟฟ้าสายสีส้ม และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลืองที่ส่งมอบพื้นที่และเริ่มเร่งก่อสร้าง นอกจากนี้ คาดครึ่งหลังปี 61 จะเห็นโครงการลงทุนเพิ่มอย่างมีนัยฯ (ก่อนการเลือกตั้งปี 2019) อาทิ รถไฟทางคู่, รถไฟฟ้าม่วงใต้, TFF มูลค่ารวมหลายแสนล้านบาท

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ บล.เคที ซีมิโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กม. มูลค่าลงทุนรวม 8.5 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 62 และเปิดให้บริการปี 65-66 โครงการดังกล่าวประกอบด้วย 26 สถานี และอุโมงค์รถไฟ 4 แห่ง เริ่มต้นจาก จ. แพร่, ลำปาง, พะเยา, เชียงราย สิ้นสุดที่ อ. เชียงของ ซึ่งติดชายแดนประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนลาว โดยแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 3 สัญญา

โดยประเด็นดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เพราะดูจะมีความคืบหน้ามากที่สุดเมื่อเทียบกับโครงการภาครัฐฯ อื่นๆ โครงการรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มีมูลค่าก่อสร้างรวม 77 พันล้านบาท ผ่านการพิจารณาด้าน EIA แล้วปี 61 เป็น 1 ใน 9 ของรถไฟทางคู่เฟสสองที่การรถไฟแห่งประเทศไทยมีแผนจะเปิดประมูล เป็นรถไฟสายใหม่ (ไม่มีทางเดี่ยวมาก่อน) จึงเป็นโครงการที่ใช้เงินลงทุนสูง

สำหรับประโยชน์ของรถไฟสายนี้ คือ จะเชื่อมต่อเส้นทางเศรษฐกิจของภาคเหนือหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ ขนาดใหญ่น่าจะได้ประโยชน์จากความคืบหน้าในประเด็นนี้ เพราะหากแบ่งเป็น 3 สัญญา ขนาดงานของแต่ละสัญญาน่าจะมีขนาดใหญ่ ทำให้ต้องอาศัยผู้รับเหมาฯ ที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งและมีประสบการณ์ ทั้งนี้ ยังคงเลือก STEC เป็นหุ้น Top Picks พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 25 บาทต่อหุ้น

ส่วน นักวิเคราะห์ บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น STEC พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 23 บาทต่อหุ้น โดยคาดไตรมาส 2/61 ผลการดำเนินงานยังอยู่ในระดับที่ดี คาดกำไรสุทธิทรงตัวเมื่อเทียบจากปีก่อนแม้คาด Gross Profit Margin ลดลงจากไตรมาส 2/60 แต่ได้รับการชดเชยจากรายได้งานก่อสร้างที่คาดเติบโต 17% อยู่ที่ 5,148 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 1/61 มีบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุน 56 ล้านบาท ทำให้คาดกำไรสุทธิ ลดลง 18% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน

ทั้งนี้คาดระดับ Backlog หลังไตรมาส 2/61 ยังอยู่ในระดับสูงประมาณ 120,000 ล้านบาท คาดเพียงพอต่อการรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 4 ปีข้างหน้า แม้ไม่มีมูลค่างานใหม่เข้ามา อย่างไรก็ตาม STEC ยังมีโอกาสในการรับงานจากโครงการต่างๆ ที่เปิดประมูลในช่วงครึ่งหลังปี 61

ขณะเดียวกันคาดการณ์ผลการดำเนินงานที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ พร้อมมีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิ หลังคาด Gross Profit Margin ครึ่งแรกปี 61 ประมาณ 7.60% สูงกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 7% นอกจากนี้ STEC ยังมีศักยภาพและโอกาสในการรับงานจากโครงการต่างๆ ที่ STEC มีแผนเข้าร่วมประมูล

ด้าน ราคาหุ้น STEC ปิดตลาดวานนี้ (1 ส.ค.) อยู่ที่ 21.50 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.47% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 194.31 ล้านบาท และยังคงมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่ 29.50 บาท อยู่ 37.21%

Back to top button