EPG วิ่งฉิวเกือบ 5% โบรกฯแนะ “ซื้อ” ชูเป้า 10 บ. ชี้ธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
EPG วิ่งฉิวเกือบ 5% โบรกฯแนะ "ซื้อ" ชูเป้า 10 บ. ชี้ธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดย ณ เวลา 15.37 น. อยู่ที่ 8.50 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 4.94% สูงสุดที่ 8.55 บาท ต่ำสุดที่ 8.15 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 111.43 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ล่าสุด ณ เวลา 15.37 น. อยู่ที่ 8.50 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 4.94% สูงสุดที่ 8.55 บาท ต่ำสุดที่ 8.15 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 111.43 ล้านบาท
ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (24 ก.ค.) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 10 บาท/หุ้น โดยประเมินกำไรสุทธิ 1/62 (เม.ย.-มิ.ย.2561 ที่ 270 ล้านบาท แม้จะลดลง 5% จากปีก่อน จากฐานกำไรที่สูงในปีก่อน แต่จะเพิ่มขึ้น 17% จากไตรมาสก่อน นับว่าทำได้ดีและยังเป็นไปตามทิศทางที่เคยคาดไว้จากการฟื้นตัวของทั้ง 3 ธุรกิจหลัก ทั้งการขยายกำลังการผลิต การปรับราคาขึ้น และการเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิต
นอกจากนั้น ยังได้รับผลบวกจากเงินบาทที่อ่อนค่า ปัจจุบัน EPG มีสัดส่วนรายได้ส่งออกราว 60% จากรายได้รวม ยังคงประเมินกำไรสุทธิปี 2562 (เม.ย.2561 – มี.ค.2562) ที่ 1,145 ล้านบาท กลับมาเติบโต 16% จากปีก่อน โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตจากไตรมาสก่อนได้ต่อเนื่องทุกไตรมาสในปีนี้ และคาดว่าจะเริ่มกลับมาเติบโต จากปีก่อน ได้อย่างช้าในงวดไตรมาส 3/62 (ต.ค.-ธ.ค.2561) ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 10 บาท
ทั้งนี้ ประเมินกำไรสุทธิ 1/62 (เม.ย.-มิ.ย.2018) ที่ 270 ล้านบาท ลดลง 5% จากปีก่อน จากฐานกำไรสุทธิที่สูงในปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 17% จากไตรมาสก่อน นับว่าทำได้ดีและยังเป็นไปตามทิศทางเดียวกับที่เคยคาด จากประเมินรายได้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.2% จากปีก่อน และ 8.3% จากไตรมาสก่อน จากทุกธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้น โดยธุรกิจฉนวนยาง Aeroflex จะได้ผลบวกจากการปรับขึ้นราคาขายเต็มไตรมาส และโรงงานที่สหรัฐฯ มีการขยายกำลังการผลิตรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น,
อีกทั้ง ธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ Aeroklas จะได้ผลบวกจากอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศที่เติบโต รวมถึงตลาดต่างประเทศยังปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ TJM ที่ประเทศออสเตรเลีย และการส่งออกไปยังตลาดยุโรปที่ได้รับคำสั่งซื้อใหม่ และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ EPP ฟื้นตัวต่อเนื่องโดยคาดอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นเป็น 58% จากเดิม 55%
นอกจากนั้น ภาพรวมของ EPG ยังได้รับผลบวกค่าเงินบาทที่อ่อนค่า โดยปัจจุบัน EPG มีสัดส่วนรายได้ส่งออกราว 60% ขณะที่เราประเมินอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 1/62 ที่ 28.7% แม้จะลดลงเมื่อเทียบกับจากปีก่อน แต่มีสัญญาณที่ดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 4/61 ที่อยู่ที่ 28.2%
อย่างไรก็ตาม ยังคงประเมินกำไรสุทธิปี 2562 (เม.ย.2561 – มี.ค.2562) ที่ 1,145 ล้านบาท เติบโต 16% จากปีก่อน จากทั้ง 3 ธุรกิจหลักที่มีทิศทางเติบโตดีขึ้น รวมถึงมองว่าความเสี่ยงทางด้านต้นทุนวัตถุดิบและอัตราแลกเปลี่ยนเริ่มลดลงมากเมื่อเทียบกับปีก่อน กำไรสุทธิไตรมาส 1/62 คิดเป็น 24% จากที่ประเมินทั้งปี คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตจากไตรมาสก่อน ได้ต่อเนื่องทุกไตรมาสในปีนี้ และคาดว่าจะเริ่มกลับมาเติบโตจากไตรมาสก่อน ได้อย่างช้าในงวดไตรมาส 3/62 (ต.ค.-ธ.ค.2561)
ทั้งนี้ ยังประเมินราคาเป้าหมายที่ 10 บาท อิง PER 24 เท่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยยังคงมุมมองแนวโน้มธุรกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดว่าจะเริ่มมีทิศทางฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้ ปัจจุบันราคาหุ้นยังเทรด PER ค่อนข้างถูกต่ำกว่า -1SD จากค่าเฉลี่ยในอดีต