โบรกฯประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ” MINT หลังโชว์กำไร Q2 ดีเกินคาด! รับปันผล “NH Hotel” 359 ลบ.
โบรกฯประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ" MINT หลังโชว์กำไร Q2 ดีเกินคาด! รับปันผล “NH Hotel” 359 ลบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (8 ส.ค.61) บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2561 มีกำไรสุทธิเติบโตที่ระดับ 1.21 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 736.79 ล้านบาท ขณะเดียวกัน งวด 6 เดือนมีกำไร 2.92 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไร 2.66 พันล้านบาท
โดยในไตรมาส 2/2561 บริษัทมีรายได้รวม 1.51 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.34 หมื่นล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิต รวมถึงรายได้ส่วนเพิ่มจากคอร์บิน แอนด์ คิง เงินปันผลจากการลงทุนในเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป จำนวน 359 ล้านบาท (ก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและภาษีเงินได้ จำนวน 144 ล้านบาท) และผลกำไรที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการซื้อเบนิฮานาในราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม จำนวน 121 ล้านบาท ตามมาตรฐานการบัญชีไทย
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าการเข้าลงทุนในเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป มีโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มร่วมกันในด้านแพลตฟอร์มการให้บริการโรงแรมชั้นนำในทวีเอเชีย-ยุโรป จากความร่วมมือระหว่างบริษัทกับเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป จะทำให้ทั้ง 2 กลุ่มรวมกันมีฐานการให้บริการโรงแรมใหญ่เป็นอันดับที่ 19 ของโลก ตามจำนวนห้องพัก ขนาดธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ดีขึ้น เช่น โอกาสในการลดค่าธรรมเนียมจากผู้ให้บริการด้านการจองที่พักโรงแรมผ่านช่องทางออนไลน์ มีช่องทางการตลาดที่ดีขึ้น มีประสิทธิภาพในการจัดซื้อและขนส่ง และโอกาสในการลดต้นทุนการลงทุนด้านเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มออนไลน์ร่วมกัน
อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างการเติบโตของรายได้จากทวีปยุโรปและเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดที่พัฒนาแล้ว โดยหากบริษัทเข้าถือหุ้นในเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปในสัดส่วน 51-55% ตามที่ได้ตั้งไว้ คาดว่าจะมีการกระจายความเสี่ยงของกลุ่มธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่ยังรักษาการเป็นบริษัทในตลาดที่กำลังพัฒนา โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนกำไรสุทธิจากตลาดที่กำลังพัฒนามากกว่า 65% ของกำไรสุทธิ
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ขณะนี้คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น MINT ในราคาเป้าหมาย 48.00 บาทต่อหุ้น หลัง MINT ได้ให้ความแน่ชัดเกี่ยวกับการลงทุนใน NH Hotel Group และทางผู้บริหารให้ความเชื่อมั่นว่าจะไม่มีการเพิ่มทุน ส่วนผลการดำเนินงานของ MINT เองมีโอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายในช่วงที่เหลือปี โดยไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่ผลประกอบการโดดเด่นทั้งกลุ่มร้านอาหารและโรงแรม
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2561 ที่ระดับ 6.92 พันล้านบาท โดยที่ในครึ่งแรกปี 61 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 2.92 พันล้านบาท หรือนับเป็น 42% ของที่คาดการณ์ ซึ่งเชื่อว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/2561 จะได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวในโปรตุเกส และในไตรมาส 4/2561 จะกลับมาเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยวอีกครั้ง และคาดว่า RevPar จะสามารถเติบโต Double Digits ได้
อีกทั้ง จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้ว่าธุรกิจกลุ่มร้านอาหารจะยังคงถูกกดดัน แต่การปิดสาขาที่ขาดทุนในจีนและสิงคโปร์จะช่วยให้อัตราการทำกำไรของ MINT สูงขึ้น และทั้งปี 2561 เราเชื่อว่าฮับที่จีนจะมี TSSG เป็นบวก จากการปรับปรุงเมนูและการขยายสาขาในตัวเมือง Tier 1
ส่วนนักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น MINT ในราคาพื้นฐาน 46 บาทต่อหุ้น หลังรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/61 มีกำไรเติบโต 64% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ MINT จะมีกำไรปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ด้านราคาหุ้น MINT ณ เวลา 11.48 น. อยู่ที่ระดับ 38.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง สูงสุดที่ระดับ 39 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 38.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 110.79 ล้านบาท