AMANAH เจอSell on fact หลังงบQ2พลิกกำไร ฉุดราคาร่วงเกือบ14% โบรกฯยังแนะ”ซื้อ” เป้า 3.26บ.
AMANAH เจอSell on fact หลังงบQ2พลิกกำไร ฉุดราคาร่วงเกือบ14% โบรกฯยังแนะ"ซื้อ" เป้า 3.26บ. โดยปิดตลาดวันนี้ อยู่ที่ 1.95 บาท ลบ 0.31 บาท หรือ 13.72% สูงสุดที่ 2.14 บาท ต่ำสุดที่ 1.94 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 227.93 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ AMANAH ปิดตลาดวันนี้ อยู่ที่ 1.95 บาท ลบ 0.31 บาท หรือ 13.72% สูงสุดที่ 2.14 บาท ต่ำสุดที่ 1.94 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 227.93 ล้านบาท
ทั้งนี้ การที่ราคาหุ้น AMANAH ปรับตัวลงในวันนี้คาดว่านักลงทุนขายทำกำไร (Sell On Fact) หลังการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 ออกมามีผลพลิกกำไรที่ 37.87 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 52.24 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามคาด โดยก่อนหน้านี้ราคาหุ้น AMANAH มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของ AMANAH จะเติบโต
ด้าน บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม ระบุในบทวิเคราะห์ (9 ส.ค.) แนะนำ “ซื้อ” AMANAH ราคาเป้าหมาย 2.86 บาท/หุ้น โดย AMANAH รายงานกำไรงวดไตรมาส 2/61 ที่ 38 ลบ. ลดลง 17% จากไตรมาสก่อน เพิ่มขึ้น 173% จากปีก่อน ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 44 ลบ. โดยกำไรที่ลดลงจากไตรมาสก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยฤดูกาลที่ในช่วงไตรมาส 2 มีวันหยุดจำนวนมาก ส่งผลให้คุณภาพลูกหนี้มักจะต่ำกว่าช่วงไตรมาส 1 ขณะที่กำไรที่เติบโตจากปีก่อน เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยที่เติบโตจากสินเชื่อ ATM ที่ปล่อยเพิ่มมากขึ้น และค่าใช้จ่ายสำรองฯที่ลดลงจากคุณภาพลูกหนี้ที่ดีขึ้น
สำหรับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิยู่ที่ 108 ลบ. เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน เพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน โดย NIM ทรงตัวในระดับสูงต่ำเนื่องที่ 15.3% จากการรุกทำธุรกิจรถแลกเงิน (ATM) ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่แผนควบคุมค่าใช้จ่ายทำได้ดีขึ้นส่งผลให้ Cost to Income ลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 41.6%
ทั้งนี้ NPL ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 212 ลบ. เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน ลดลง 28% จากปีก่อน ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ที่ 209 ลบ. ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสำรองฯ อยู่ที่ 31 ลบ. เพิ่มขึ้น 95% จากไตรมาสก่อน ลดลง 66% จากปีก่อน (แบ่งเป็นสำรองตามเกณฑ์ 29 ลบ. และสำรองเชิงคุณภาพ 2 ลบ.) ซึ่งเป็นไปตาม NPL ที่ปรับตัว
อย่างไรก็ตาม ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” AMANAH และคงราคาเหมาะสมที่ 2.86 บาท โดยราคาปัจจุบันยังมี Upside มากถึง 27% โดยยังคงมุมมองว่า AMANAH ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากการรุกธุรกิจ ATM ที่ให้ผลตอบแทนสูง ขณะที่การเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออาจทำให้สินเชื่อเติบโตได้ต่ำกว่าเป้าแต่จะส่งผลให้ %NPL มีแนวโน้มชะลอตัว
ราคาปัจจุบันจะซื้อ/ขายที่ระดับ Trailing P/E 13.1x (3Q17 – 2Q18) ซึ่งยังต่ำกว่า SAWAD (P/E 16.4x) และ MTC (P/E 26.3x)
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (9 ส.ค.61) โดยมองว่า AMANAH เข้าสู่ช่วงเติบโตสูง โดยคาดธนาคารอิสลามมีโอกาสขยายวงเงินกู้เพิ่ม
ทั้งนี้ ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมา 12% จากต้นปีจากความคาดหวัง AMANAH สร้างฐานกำไรที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพได้เป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน (ไตรมาส 3/2560-ไตรมาส 2/2561) ก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะเติบโตแบบก้าวกระโดดตั้งแต่ไตรมาส 3/2561 เป็นต้นไป ประกอบกับ จากประมาณการเติบโตของสินเชื่อในอัตราเร่ง โดยคาดว่า บริษัทจะได้รับการขยายวงเงินกู้เพิ่มเติมในช่วงถัดไปในอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม (กรอบ 4%) จากธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ขยายวงเงินกู้สู่ระดับ 2.5-3.0 พันลบ. (เดิม 2.0 พันลบ.)
ขณะที่ วานนี้ บริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 ที่ 37.8 ลบ. (หากรวมสำรองพิเศษ 2 ลบ. จะเท่ากับกำไรรวม 39.8 ลบ. ใกล้เคียงคาด) พลิกเป็นกำไรจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน (ไตรมาส 2/2560 ขาดทุน 52 ลบ.) แต่ลดลง 17% จากไตรมาสก่อนจากเป็น Low season ของอุตสาหกรรม ประกอบกับ บริษัทชะลอการปล่อยสินเชื่อใหม่ในเม.ย.-พ.ค.18 จากความไม่ชัดเจนประเด็นพรบ.เช่าซื้อฉบับใหม่ ซึ่งสถานการณ์คลี่คลายไปในทิศทางบวก กระทบเฉพาะผู้ประกอบการให้เช่าซื้อรถยนต์ไม่เกี่ยวกับธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถของบริษัท
โดยหลังจากนั้นบริษัทกลับมาเร่งปล่อยสินเชื่ออีกครั้งในมิ.ย.18 เพียงเดือนเดียวแต่ก็สามารถเร่งฐานสินเชื่อใหม่ในไตรมาสนีได้ถึง 270 ลบ. หนุนรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มมาที่ 110.7 ลบ. เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน, เพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อนในขณะที่การตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญปรับตัวขึ้นอยู่ที่ระดับ 30.7 ลบ. ลดลง 66% จากปีก่อน, แต่เพิ่มขึ้น 95% จากไตรมาสก่อน แบ่งออกเป็น สำรองจากการดำเนินงานปกติ 28.7 ลบ.
ขณะที่ตั้งสำรองพิเศษสำหรับ IFRS9 มูลค่า 2 ลบ. (คาดว่าเป็นก้อนสุดท้ายก่อนบังคับใช้ 1 ม.ค. 2020) ส่งผลให้ NPL ratio เพิ่มขึ้น 7.35% (ไตรมาส 1/2561 7%)
ทั้งนี้กำไรครึ่งปีแรกเท่ากับ 50% ของประมาณการทั้งปี และมี Downside จำกัดประเมินผลประกอบการในครึ่งปีหลังของปี 2561 ยังมีแนวโน้มที่ดี คาดการปล่อยสินเชื่อใหม่จะเพิ่มอัตราเร่งตั้งแต่ในไตรมาส 3/2561 ซึ่งบริษัทตั้งเป้าไว้ที่ระดับ 350 – 450 ลบ. ต่อไตรมาส (270 ลบ. ในไตรมาส 2/2561) หลังคลายกังวลพรบ.เช่าซื้อ และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว คาดธนาคารอิสลามมีโอกาสขยายวงเงินกู้ให้แก่ AMANAH เพิ่มจากเดิม 2 พันลบ. ขึ้นเป็น 2.5-3.0 พันลบ. เพื่อรองรับการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อใหม่ในปี 2561
ขณะที่ต้นทุนทางการเงินคงที่แต่ Loan yield สูงขึ้นต่อเนื่อง คาดแตะ 20.6% ในไตรมาส 4/2561 จากสัดส่วนสินเชื่อ ATM มีสัดส่วนกว่า 90% ของพอร์ต ส่งผลให้ NIM ปี 2561 ขยายกว้างขึ้นที่ระดับ 14.6% ทั้งนี้ คงคำแนะนำซื้อมูลค่าพื้นฐาน ปี 2561ที่ 3.26 บาท จากคาดยอดสินเชื่อใหม่ในครึ่งปีหลังจะเติบโตในอัตราเร่ง เข้าสู่ Growth stage เต็มกำลัง หนุนคาดกำไรปี 61 โตแรงถึง 244% จากปีก่อน ทำ Alltime high ตั้งแต่เข้าตลาดฯ ในขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่เพียง PER ปี 2561 ที่ 13.2 เท่า