SET สัปดาห์นี้ Sideway ตลาดวิตกสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนเพิ่มมากขึ้น
SET สัปดาห์นี้ Sideway วิตกสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนเพิ่มมากขึ้น ชูกลยุทธ์ย่อสะสม-ดีดตัวขายในกรอบ 1,720-1,729 จุด
Weekly outlook : Sideway แนวต้าน 1,720/1,729 จุด แนวรับ 1,692/1,695 จุด
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สัปดาห์นี้ (14 – 17ส.ค.) ภาพการลทุนสัปดาห์นี้คาดภาพการลงทุนสัปดาห์นี้ คาดตลาด Sideway จากความวิตกกังวลต่อสงครามการค้าระหว่ำงสหรัฐฯ-จีนที่เพิ่มมากขึ้น หลังทั้สองประเทศประกาศจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าระหวางกันเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้นบาท เป็นปัจจัยกดดันจิตวิทยาการลงทุนโลกผสานค่าเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าเร็วเข้าใกล้กรอบบน 2H18 ที่วางไว้ที่บริเวณ 96.2 จุด หลังค่าเงินยูโรและค่ำเงินปอนด์มีแนวโน้มอ่อนค่ำจากความไม่ชัดเจนของประเด็น Brexit ถือเป็นสัญญาณลบต่อตลาดสินทรัพย์เสียง
โดยสำหรับตลาดเอเชีย ในช่วงที่ผ่านมาค่าเงินเอเชียเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นทำให้ต่างชาติซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่ม TIPs ต่างชาตซื้อสุทธิ 3 สัปดาห์ติดต่อกันคิดเป็นมูลค่ำรวมกว่ำ 1,237 ล้ำนเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันตลาดเอเชียฟื้นตัวขึ้นเด่นในช่วงที่ผ่านมา
ดังนั้นจึงต้องจับตาค่าเเงินดอลลาร์ที่กลับเทรนด์มาแข็งค่าจะเป็นตัวที่ทำให้ทิศทำง Fund Flows ที่ไหลเข้าเอเชียเริ่มสะดุดหรือไม่ซึ่งจะเป็นตัวสำคัญที่จะบ่งชี้ทิศทางตลาดในช่วงถัดไปส่วนปัจจัยอื่นๆที่น่าติดตาม คือ การประกาศ MSCI
Rebalance รอบใหม่ 13 ส.ค. นี้และมีผลราคาปิดวันที่ 31 ส.ค. โดยรอบนี้คาดไม่มีหุ้นไทยจะเข้ำ/ออก แต่จะยังคงถูกปรับลดสัดส่วนของไทยใน MSCI EM ลงราว 163 ล้านเหรียญฯ หรือ -5.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วนเดียวกับการ Rebalance ในรอบที่แล้วในเดือนพ.ค.โดยในครั้งนั้นตลาดหุ้นไทยถูกขายกว่า -5.18 หมื่นล้านบาท คาดเกิดจากแรงปรับน้ำหนักของกองทุน Active Fund ซึ่งมีการปรับล่วงหน้ำก่อนกลุ่ม Passive Fund ที่จะมีการปรับน้ำหนักการลงทุนตามดัชนี
และเนื่องจากเป็นการปรับน้ำหนักครั้งแรกจึงมีความรุนแรงสูง ทั้งนี้การปรับลดน้ำหนักในรอบที่ 2 ในวันที่ 13 ส.ค. นี้มองว่าด้วยแรงขายของต่างชาติ (Active Fund) ที่ปรับล่วงหน้าไปแล้วและต่างชาติมีสถานะถือหุ้นไทย (F-Holding Dollar Term) ต่ำเพียง 31.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในสหรัฐฯ ที่เคยขายหุ้นไทยจนเหลือสัดส่วนเพียง 31.79% น่าจะทำให้ผลกระทบค่อนข้ำงจำกัด
กลยุทธ์การลงทุน: คงน้ำหนักหุ้น 75% สัปดาห์นี้นักเก็งกำไร เน้นรอย่อสะสมดีดตัวขายในกรอบ ส่วนนักลงทุนเน้น กลุ่มรับเหมา STEC, CK, PYLON ค้าปลีก CPALL, ROBINS ธนาคาร BBL, KBANK กลุ่มนิคม AMATA กลุ่ม Global Play IVL, CPF, PTT, PTTEP,PTTGC กลุ่ม ICT ADVANC, INTUCH กลุ่มอิงท่องเที่ยว ERW, AOT และ Laggard BH