ดีใจจุงเบย ได้เลือกตั้ง

ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

หนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับพาดหัวตัวไม้ ดีอกดีใจ ไชโย คนไทยจะได้เลือกตั้ง หลัง กกต.เปิดโรดแมป “คาดว่า” จะจัดเลือกตั้งได้ในวันที่ 24 ก.พ. 2562

อะโห ทำราวกับเกิดอิทธิปาฏิหาริย์ เกิดปรากฏการณ์ไม่เคยพบเคยเห็นในประเทศนี้ ทั้งที่แต่ก่อนร่อนชะไร คนไทยมีสิทธิเลือกตั้งมาตลอด 30 ปี มีสิทธิเลือกรัฐบาล เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ แต่อยู่ ๆ ก็ถูกยึดไป ยึดไว้ตั้งนาน ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ 2 ปี ประกาศใช้ 1 ปี 4 เดือน เพิ่งจะมีเมตตาแบ่งเศษคืนสิทธิคืนอำนาจให้แบบไม่ครบใบ

ผู้คนก็ยังดีอกดีใจ เหมือนใช้ชีวิตอยู่รอขอส่วนบุญ แล้วแต่ผู้ยึดอำนาจจะปรานี พอบอกให้มีเลือกตั้งได้ก็ขายฝัน เศรษฐกิจจะดี หุ้นจะขึ้น แต่เมื่อ 3 เดือนก่อน คนอยากเลือกตั้งออกมาเรียกร้องก็ว่าทำบ้านเมืองวุ่นวาย ต้องพับเพียบ เชื่อฟัง รอให้ท่านสั่ง “เลือกตั้งได้” ถึงค่อยดีใจ “ไชโย มีเลือกตั้งแล้ว”

ซึ่งอันที่จริง ก็ยังไม่มีอะไรแน่นอนซักหน่อย เดี๋ยว คสช.บอกว่าบ้านเมืองไม่สงบ ก็ขยับได้อีก เพราะเวลาอธิบายโรดแมป รัฐบาล คสช. สนช. ก็มักพูดแค่ “ไม่เกิน พ.ค. 62”

อำนาจเลือกตั้งของประชาชนก็น้อยกว่าเดิม ไม่ใช่แค่บทเฉพาะกาล 5 ปี ส.ว.แต่งตั้ง 250 คนมีอำนาจร่วมเลือกนายกฯ แต่ยังมีองค์กรอิสระ กรรมการยุทธศาสตร์ชาติ บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ระเบียบกฎหมายอีกมาก จนรัฐบาลจากเลือกตั้งทำอะไรแทบไม่ได้ ถ้ารัฐพันลึกที่คุมอำนาจปืนและกฎหมายไม่ยินยอม

เอาง่าย ๆ แค่ประชาชนจะเลือกใคร ก็ต้องให้ กกต.รับรอง แค่ กกต.มีข้อสงสัย “เชื่อได้ว่าทุจริต” ก็ถูกระงับสิทธิถูกเพิกถอน คะแนนเสียงที่ประชาชนเลือกไปตกน้ำหายทันที

กกต.ท่านหนึ่งกล่าวว่า ท่านเป็นผู้พิพากษามา 36 ปี ในการตัดสินคดีเมื่อหลักฐานไม่ชัด 100% ต้องปล่อย แต่เมื่อท่านมาเป็น กกต. หากท่านสงสัย ท่านจะไม่ปล่อยแน่นอน

นั่นแสดงว่า อำนาจ กกต. เหนือกว่าผู้พิพากษาเสียอีก ผู้พิพากษาต้องตัดสินตามพยานหลักฐาน แต่ กกต.เป็นผู้วิเศษ แค่สงสัยก็ตัดสินประหารคะแนนเสียงประชาชนได้

เรื่องตลกคือ คนที่เคยขัดขวางเลือกตั้งไม่รู้ไปไหนหมด น่าจะดีอกดีใจกับการเลือกตั้งด้วยเช่นกัน หลังจากรัฐธรรมนูญ 2560 ริบลดอำนาจเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งคนขัดขวางเลือกตั้งเหยียดว่าเสียงข้างมากเห็นแก่ผลประโยชน์ ไร้การศึกษา ไม่ควรมีหนึ่งเสียงเท่ากัน

ขณะที่ภาคธุรกิจ ก็ดีใจว่า เลือกตั้งแล้วการลงทุนจะกลับมา ๆ ๆ ๆ พูดย้ำคิดย้ำทำเหมือนท่องคาถาขายของ ขายอนาคต

4 ปีที่ผ่านไป กลุ่มธุรกิจใหญ่ของไทยพึงพอใจการจัดสรรผลประโยชน์โดยรัฐทหาร รัฐราชการ ภายใต้ “การเมืองนิ่ง” “บ้านเมืองสงบ” การดำเนินโครงการ การประมูลต่าง ๆ ไม่มีเสียงโต้แย้งถกเถียง ไม่ถูกตรวจสอบเข้มข้นเหมือนรัฐบาลเลือกตั้ง ขาดอยู่อย่างคือโลกไม่ยอมรับ อียูยังไม่ลงนามข้อตกลงต่าง ๆ จนกว่าจะมีรัฐบาลเลือกตั้ง ภาคธุรกิจก็เลยหวังว่ามีเลือกตั้งพิธีกรรมแล้วจะดี คือมีรัฐบาลทหารหน้าตาคล้าย ๆ อย่างนี้แหละ แต่ไปผ่านเลือกตั้งพอเป็นพิธี แล้วเศรษฐกิจจะดี

อันที่จริงก็รู้กัน ไม่ใช่เลือกตั้งแล้วจะดีทุกอย่าง ในทางการเมืองยังยุ่งเหยิงอีกเยอะ จะสืบทอดอำนาจได้ไหม สืบทอดแล้วอยู่รอดไหม ยังไม่รู้เลย ในทางเศรษฐกิจ 4 ปีผ่านไป ประเทศไทยยังน่าลงทุนอยู่หรือ โลกไม่เหมือนเดิม ประเทศไทยก็ไม่เหมือนเดิม

แต่นั่นแหละ “เลือกตั้งแล้วเศรษฐกิจดี” มันทำให้ขายของได้