สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 20 ส.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า การเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ จะสามารถคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าได้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการทำข้อตกลงซื้อขายกิจการของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกดดันในช่วงท้ายของการซื้อขาย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,758.69 จุด เพิ่มขึ้น 89.37 จุด หรือ +0.35% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,857.05 จุด เพิ่มขึ้น 6.92 จุด หรือ +0.24% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,821.01 จุด เพิ่มขึ้น 4.68 จุด หรือ +0.06%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) ขานรับมุมมองบวกที่นักลงทุนมีต่อการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.6% ปิดที่ 383.23 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,331.30 จุด เพิ่มขึ้น 120.75 จุด หรือ +0.99% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,379.65 จุด เพิ่มขึ้น 34.72 จุด หรือ +0.65% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,591.26 จุด เพิ่มขึ้น 32.67 จุด หรือ +0.43%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกว่า การเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ จะสามารถคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าได้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,591.26 จุด เพิ่มขึ้น 32.67 จุด หรือ +0.43%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาทองคำร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 10.4 ดอลลาร์ หรือ 0.88% ปิดที่ 1,194.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 3.9 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 14.67 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 16.60 ดอลลาร์ หรือ 2.14% ปิดที่ 793.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 20.90 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 898.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) ซึ่งเป็นการปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกอาจประสบภาวะตึงตัว จากการที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน นอกจากนี้ ตลาดยังปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ จะสามารถคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าได้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 66.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 72.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดการเงินทั่วโลกมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.21 เยน จากระดับ 110.47 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียกกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9920 ฟรังก์ จากระดับ 0.9957 ฟรังก์
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1467 ดอลลาร์ 1.1436 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2785 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2720 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7327 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7307 ดอลลาร์สหรัฐ