“รพ.พระรามเก้า” กางแผนเข้าตลาดหุ้นปี 61 ลุยขาย IPO 180 ล้านหุ้น ระดมทุนสร้างอาคารใหม่
“รพ.พระรามเก้า” กางแผนเข้าตลาดหุ้นปี 61 ลุยขาย IPO 180 ล้านหุ้น ระดมทุนสร้างอาคารใหม่หนุนรายได้โตแกร่งในอนาคต โดยมีบล.ภัทร เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายแพทย์เสถียร ภู่ประเสริฐ รองประธานกรรมการ กรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 180 ล้านหุ้น และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ราวปี 61 โดยมี บล.ภัทร เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
โดยการระดมทุนครั้งนี้จะนำเงินที่ได้ส่วนใหญ่ไปใช้ในโครงการก่อสร้างอาคารพักอาศัยพยาบาล 8 ชั้นใกล้กับอาคารแห่งใหม่ 16 ชั้น และสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ 4-5 ชั้น
ขณะที่อาคารโรงพยาบาลพระรามเก้าแห่งใหม่ 16 ชั้น มูลค่าลงทุนกว่า 2 พันล้านบาท อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยปัจจุบันก่อสร้างไปแล้ว 10 ชั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มเปิดให้บริการภายในไตรมาส 4/62 เพื่อให้บริการกับคนไข้ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยนอก (OPD) ที่จะย้ายเข้ามาใช้อาคารแห่งใหม่เป็นหลัก โดยคาดว่าหลังจากเปิดให้บริการแล้วจะรองรับผู้ป่วย OPD เพิ่มขึ้นเป็น 2,000-3,000 คน/วัน จากอาคารเดิมที่รองรับได้ 1,300 คน/วัน
ด้านนายแพทย์สุธร ชุตินิยมการ รองกรรมการผู้อำนวยการ (ฝ่ายบริหาร) และรักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการ (ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายภายใน 3-5 ปีนี้จะมีรายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี โดยจะเน้นการเพิ่มศักยภาพของการรักษาให้สูงขึ้น โดยเฉพาะโรคที่มีความซับซ้อน ซึ่งยังต้องมีความต้องการเพิ่มทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญอีก 30-40% พร้อมกับการพัฒนาด้านดิจิทัลเพื่อทำให้การบริการต่างๆ มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และทำให้การบริหารต้นทุนต่างๆ มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย
พร้อมกันนั้นโรงพยาบาลได้ตั้งงบการปรับปรุง (รีโนเวท) อาคารเดิมไว้ที่ 300-500 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงห้องปฏิการทางการแพทย์เพิ่มเทคโนโลยีการรักษาให้ทันสมัย รองรับการรักษาโรคที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และตั้งลงทุนด้านดิจิทัล 50 ล้านบาทในช่วง 3 ปีเพื่อการเพิ่มศักยภาพในการให้บริการ
นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลยังตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากคนไข้ต่างชาติเพิ่มเป็น 20-25% ของรายได้รวม จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% ของรายได้รวม โดยจะขยายเครือข่ายพันธมิตรทางการแพทย์ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้มีการส่งคนไข้จากกัมพูชาและเมียนมาเข้ามารักษากับทางโรงพยาบาลพระรามเก้า และอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมืตรในจีนให้เป็นเครือข่ายเพิ่มเติม เนื่องจากชาวจีนส่วนใหญ่นิยมจะเข้าใช้บริการด้านการผสมเทียมเด็กในหลอดแก้วในไทย
นอกจากนี้โรงพยาบาลยังมองไปถึงโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสในการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุ รวมทั้งโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะร่วมทุนกับ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของโรงพยาบาลพระรามเก้า เพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจในอนาคต