สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 23 ส.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของเฟดก็ตาม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,656.98 จุด ลดลง 76.62 จุด หรือ -0.30% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,878.46 จุด ลดลง 10.64 จุด หรือ -0.13% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,856.98 จุด ลดลง 4.84 จุด, -0.17%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) หลังจากรัฐบาลอังกฤษเปิดเผยแนวทางการเตรียมตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง (Brexit with no deal) นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของยูโรโซน ชะลอตัวลงในเดือนส.ค.
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.2% ปิดที่ 383.38 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,365.58 จุด ลดลง 20.12 จุด หรือ -0.16% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,419.33 จุด ลดลง 1.28 จุด หรือ -0.02% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,563.22 จุด ลดลง 11.02 จุด หรือ -0.15%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) หลังจากรัฐบาลอังกฤษเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการเตรียมตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง (Brexit with no deal)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,563.22 จุด ลดลง 11.02 จุด หรือ -0.15%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมัน อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าตัวเลขคาดการณ์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 3 เซนต์ หรือประมาณ 0.04% ปิดที่ 67.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 5 เซนต์ หรือประมาณ 0.09% ปิดที่ 74.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 9.30 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1,194.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 20.8 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 14.542 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 15.30 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 778.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 7 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 911.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของเฟดก็ตาม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.55% แตะที่ระดับ 95.6715 ณ เวลา 20.00 น.ตามเวลา GMT
เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนส่งสัญญาณว่า เฟดมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
“กรรมการเฟดมีความเห็นว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับมา สนับสนุนมุมมองของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะก้าวไปสู่อีกขั้นตอนหนึ่งของการถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน” รายงานการประชุมเฟดระบุ