10 หุ้นพื้นฐานดี-ปันผลเด่น

เส้นทางนักลงทุน

เนื่องด้วยเมื่อภาวะตลาดหุ้นเคลื่อนไหวไปในทิศทางบวก ราคาหุ้นก็จะมักดีดตัวขึ้นแรง แต่เมื่อตลาดหุ้นเคลื่อนไหวในทิศทางขาลง ราคาหุ้นก็จะสวิงลงไม่มากนักและจะมักเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ

ดังนั้นหุ้นพื้นฐานดี-ปันผลเด่น มักเป็นตัวเลือกของนักลงทุนเน้นคุณค่า (VI) เนื่องจากเน้นการลงทุนระยะยาวมากกว่า 1 ปี เพราะหวังอนาคต

เนื่องจากหุ้นพื้นฐานดี มักมีความมั่นคง โดยมักจะมีผลประกอบการที่เติบโตสม่ำเสมอ แต่อาจจะไม่หวือหวาถึงหลักร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็จะโตทุกปี สิ่งสำคัญมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมออีกด้วย

ทั้งนี้เมื่อยามภาวะตลาดหุ้นไทยเริ่มเป็นช่วงขาขึ้น เช่นเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวขึ้นในระยะสั้นนี้ ตอบรับข่าวสหรัฐฯ กับเม็กซิโกบรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีระหว่างกันได้ ทำให้ตลาดคาดหวังว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และสหรัฐฯ กับยุโรปก็น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นช่วยลดความเสี่ยงทางการค้าโลก

ประกอบกับที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และหนุนให้สกุลเงินในตลาดเกิดใหม่แข็งค่าขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นขยับขึ้นกันถ้วนหน้าอีกด้วย (ตลาดหุ้นไทยก็อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย) เช่นกัน

ด้วยการคาดการณ์ว่าจะมีเงินทุนไหลเข้ากลับมาในตลาดหุ้นไทย โอกาสจะเข้ามาลงทุนคงหนี้ไม่พ้น หุ้นพื้นฐานดี-ปันผลเด่น ที่มักจะเป็นทางเลือก

ผลดังกล่าวจึงทำให้ทาง หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ สำรวจบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่มีพื้นฐานดี (ผลกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง 5 ปีติดต่อกัน) ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend yield) สูงกว่า 4%  มาให้เป็นตัวอย่างแก่นักลงทุน 10 บริษัท อาทิ LH, SNC, BCP, TVO, KKP, SGP, PTTGC, SCC, QH และ TCAP เป็นต้น

บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH สำหรับปี 2557 มีกำไรสุทธิ 8,423.07 ล้านบาท ต่อมาในปี 2558 มีกำไรสุทธิ 7,920.23 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2559 มีกำไรสุทธิ 8,617.97 ล้านบาท ส่วนในปี 2560 มีกำไรสุทธิ 10,463.22 ล้านบาท และในงวดครึ่งแรกปี 2561 มีกำไรสุทธิ 5,890.30 ล้านบาท

นอกจากนี้แจ้งการจ่ายปันผลระหว่างกาลของปี 2561 มีอัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.40 บาทต่อหุ้น ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend yield) ณ วันที่ 27 ส.ค. 2561 ที่สูงถึง 6.36%

บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNC สำหรับปี 2557 มีกำไรสุทธิ 377.36 ล้านบาท ต่อมาในปี 2558 มีกำไรสุทธิ 409.86 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2559 มีกำไรสุทธิ 401.65 ล้านบาท ส่วนในปี 2560 มีกำไรสุทธิ 401.31 ล้านบาท และในงวดครึ่งแรกปี 2561 มีกำไรสุทธิ 282.46 ล้านบาท

นอกจากนี้แจ้งการจ่ายปันผลระหว่างกาลของปี 2561 มีอัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด  0.50 บาทต่อหุ้น ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend yield) ณ วันที่ 27 ส.ค. 2561 ที่สูงถึง 6.25%

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP สำหรับปี 2557 มีกำไรสุทธิ 711.59 ล้านบาท ต่อมาในปี 2558 มีกำไรสุทธิ 4,150.76 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2559 มีกำไรสุทธิ 4,773.38 ล้านบาท ส่วนในปี 2560 มีกำไรสุทธิ 5,778.24 ล้านบาท และในงวดครึ่งแรกปี 2561 มีกำไรสุทธิ 2,152.99 ล้านบาท

นอกจากนี้แจ้งการจ่ายปันผลระหว่างกาลของปี 2561 มีอัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด  0.85 บาทต่อหุ้น ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend yield) ณ วันที่ 27 ส.ค. 2561 ที่สูงถึง 5.97%

บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO สำหรับปี 2557 มีกำไรสุทธิ 1,679.46 ล้านบาท ต่อมาในปี 2558 มีกำไรสุทธิ 1,902.59 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2559 มีกำไรสุทธิ 2,754.62 ล้านบาท ส่วนในปี 2560 มีกำไรสุทธิ 1,326.76 ล้านบาท และในงวดครึ่งแรกปี 2561 มีกำไรสุทธิ 1,139.94 ล้านบาท

นอกจากนี้แจ้งการจ่ายปันผลระหว่างกาลของปี 2561 มีอัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด  1.10 บาทต่อหุ้น ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend yield) ณ วันที่ 27 ส.ค. 2561 ที่สูงถึง 4.61%

ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP สำหรับปี 2557 มีกำไรสุทธิ 2,636.08 ล้านบาท ต่อมาในปี 2558 มีกำไรสุทธิ 3,317.10 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2559 มีกำไรสุทธิ 5,546.72 ล้านบาท ส่วนในปี 2560 มีกำไรสุทธิ 5,736.87 ล้านบาท และในงวดครึ่งแรกปี 2561 มีกำไรสุทธิ 3,063.95 ล้านบาท

นอกจากนี้แจ้งการจ่ายปันผลระหว่างกาลของปี 2561 มีอัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด  2 บาทต่อหุ้น ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend yield) ณ วันที่ 27 ส.ค. 2561 ที่สูงถึง 6.56%

สำหรับ 5 บริษัทที่ไม่ได้นำเสนอข้างต้น ดูได้จากตารางประกอบ 1 และ 2

ข้อมูลที่นำเสนอเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจต่อการลงทุน สำหรับบุคคลที่ชอบ หุ้นพื้นฐานดี-ปันผลเด่น !!

…