พาราสาวะถี

อรชุน

รายชื่อ 935 นายทหารที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ไม่มีอะไรพลิกโผกับรายชื่อผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยเฉพาะ “บิ๊กแดง” พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ นอนมาตั้งแต่ต้นแบบม้วนเดียวจบเข้าป้ายผู้บัญชาการทหารบก สร้างอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์กองทัพไทย ที่มีลูกนั่งเป็นผบ.ทบ. และมีนายทหารผู้พ่ออย่าง “บิ๊กจ๊อด” พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ เคยนั่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดหรือผบ.สส.

สิ่งที่เหมือนกันโดยมิได้นัดหมายคงจะเป็นบิ๊กแดงก้าวขึ้นกุมบังเหียนกองทัพบกในสถานการณ์ที่ประเทศอยู่ภายใต้การปกครองของคณะรัฐประหารที่ชื่อคสช.และแน่นอนว่าเจ้าตัวก็มีบทบาทอย่างสำคัญทั้งในช่วงก่อนและการยึดอำนาจ ขณะที่บิ๊กจ๊อดผู้ล่วงลับเป็นที่รู้กันดีว่าเขาคือผู้ยิ่งใหญ่ของคณะรัฐประหารยุครสช.เมื่อปี 2534

แต่ชะตากรรมของประเทศไทยหลังการรัฐประหารเมื่อครั้งกระโน้นกับหนนี้ น่าจะต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะหลังการล่มสลายของรสช.เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ แล้วนำพาประเทศไปสู่การได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนปี 2540 แต่หลังยุคคสช.ที่ยังไม่สิ้นสุดและไม่รู้ว่าจะสุดสิ้นเมื่อไหร่ ไทยได้รัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ 2560 พร้อม ๆ กับแนวทางที่วางไว้เพื่อการสืบทอดอำนาจที่อยากจะอยู่ยาวกันถึง 20 ปี

นี่คือสถานการณ์การเมืองไทยที่ไม่เคยหลุดพ้นวังวนแห่งการใช้กำลังทางทหารเข้ามาฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญ และกำหนดแนวทางตามความต้องการของรัฎฐาธิปัตย์ เพียงแต่ครั้งนี้มีการเตรียมการกันอย่างเป็นระบบ จึงดำเนินการทุกอย่างแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยมีแนวร่วมสำคัญคือพวกเกลียดระบอบทักษิณมาเป็นกองหนุน ทำให้ทุกการขับเคลื่อนของเผด็จการจึงเป็นไปอย่างง่ายดาย ไร้เสียงติติง

ความจริงไม่มีใครรู้ได้ว่าหลังการรัฐประหารครั้งนี้ ทุกอย่างจะดีมีการปฏิรูปตามการโฆษณาชวนเชื่อของคณะเผด็จการหรือไม่ ปลายทางก็ยากที่จะคาดเดาหลังการกลับเข้ามาสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศอีกกระทอกของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สถานการณ์ของบ้านเมือง ณ เวลานั้นจะเป็นอย่างไร ชัดเจนคือไม่ง่ายและคงไม่ราบรื่นเหมือนยามที่มีกฎหมายพิเศษและมาตรายาวิเศษอยู่ในมือแน่นอน

อย่างไรก็ตาม การให้สัมภาษณ์ล่าสุดของ วิษณุ เครืองาม เรื่องการรวบรวมคำสั่งหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 มีบางอย่างจะยกเป็นกฎหมายถาวร ตรงนี้ต้องขีดเส้นใต้ เป็นกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรือเพื่อการค้ำยันการสืบทอดอำนาจของผู้นำเผด็จการกันแน่ ต้องไม่ลืมบทบาทของบรรดาเนติบริกร พร้อมที่จะพลิกแพลงข้อกฎหมายเพื่อให้เป็นคุณกับผู้มีอำนาจได้ตลอดเวลา เพราะเชื่อมั่นว่าไร้แรงกดดัน และบางเรื่องตีหน้ามึน ทำเฉย ๆ นิ่ง ๆ ก็ไม่มีใครกล้าตอแย

ส่วนการเมืองว่าด้วยโหมดเลือกตั้ง มีทั้งการทยอยเปิดตัวพรรคใหม่พร้อมผู้บริหาร วันก่อนเป็นคิวของพรรคประชาชาติ ใช้ม.อ.วิทยาเขตปัตตานีเป็นสถานที่ประชุมเลือกกรรมการบริหารพรรค ตามความคาดหมาย วันมูหะหมัดนอร์ มะทา นั่งเป็นหัวหน้า พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง เป็นรองเลขาธิการพรรค โดยมีแกนนำกลุ่มวาดะห์เข้ามาร่วมทีมบริหารอย่างพร้อมหน้า

ที่เพิ่มเติมคือบรรดาอดีตส.ส.จากพรรคการเมืองอื่นกระโดดเข้ามาร่วมวงด้วย จนเป็นเหตุให้อดีตส.ส.จากพรรคคู่แข่งสำคัญอย่างประชาธิปัตย์ ต้องรีบออกมาสาดโคลนไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ประชาชาติคือนอมินีของพรรคการเมืองใหญ่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมายถึงพรรคเพื่อไทยนั่นเอง หากมองจากรายชื่อกรรมการบริหารพรรคอาจคิดได้เช่นนั้น

แต่หากมองให้ลึกเข้าไปยิ่งกว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดพรรคประชาชาติเป็นผลมาจากคะแนนเสียงของการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ ที่พบว่าประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แสดงเจตนารมณ์และจุดยืนทางการเมืองอย่างชัดเจน และเมื่อมองจุดยืนทางการเมืองก็จะพบว่าคนในพื้นที่ไม่รับเผด็จการ ไม่เอาเพื่อไทยและไม่ชอบประชาธิปัตย์

เหตุนี้แกนนำกลุ่มวาดะห์จึงไม่มีทางเลือกอื่น หากยังอยู่ในที่เดิมก็จะกลายเป็นพวกสูญพันธุ์ จึงเกิดการแลกเปลี่ยนและรวบรวมอดีตส.ส.ทั้งจากกลุ่มของตัวเองพร้อมพรรคการเมืองอื่น เพื่อก่อกำเนิดพรรคการเมืองทางเลือกใหม่ นั่นหมายความว่าไม่ใช่แค่การฟังความเห็นจากนักการเมืองด้วยกันเองเท่านั้น แต่หมายถึงเสียงตอบรับจากผู้นำทางศาสนาในพื้นที่ด้วย

ขณะที่อดีตส.ส.จากพรรคเก่าแก่ ไม่มีโอกาสที่จะตีจากพรรคการเมืองต้นสังกัดเดิมด้วยเหตุผลไม่อยากถูกตีตราว่าเป็นพวกขายตัว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องอยู่ที่เดิมและเดินเกมการเมืองเหมือนที่ผ่านมาแบบไม่มีทางเลือก ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องประชาชาติเป็นนอมินีนั้น จริงหรือไม่หลังการเลือกตั้งทุกอย่างจะเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ในทางการเมืองโดยเฉพาะการข่าวก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ปิดลับอยู่แล้ว เงินทุนของพรรคการเมืองนี้มาจากไหน

ส่วนพื้นที่ภาคอีสานฐานเสียงหลักของพรรคนายใหญ่ ปรากฏการณ์เดินสายอย่างทะลุทะลวงของกลุ่มสามมิตร หวังเจาะไข่แดงด้วยการดูดอดีตส.ส.เกรดเอในหลายจังหวัดมาร่วมงาน แต่การเปิดเกมไม่ง้อไม่สนของคนแดนไกล บวกเข้ากับท่าทีของประชาชนในพื้นที่ ทำให้แม้จะได้รับข้อเสนออันงดงามที่ยากปฏิเสธ ก็ไม่อาจจะตกปากรับคำกันได้ สุดท้ายอาจต้องใช้ไม้แข็งที่ว่ากันด้วยคดีความของใครหลาย ๆ คน

การเมืองที่ว่าด้วยวิชามารไม่ว่าจะยุคไหนสมัยใด มักจะใช้ได้ผลและถือเป็นหมัดเด็ดของคนที่กุมอำนาจ ขนาดยุคการเมืองปฏิรูปแท้ ๆ เห็นด่ากันปาว ๆ นักการเมืองชั่วนักการเมืองเลว พอตัวเองจะตั้งพรรคการเมืองมาแข่งและเที่ยวไปพูดในที่ต่าง ๆ ว่าเลือกแบบเดิมก็ได้เหมือนเดิม แต่ทำไปทำมามีใหม่แค่ชื่อพรรคสังกัด ส่วนเนื้อในยังเป็นของเก่าเน่าเฟะที่ตัวเองเคยแสดงความรังเกียจเหมือนเดิม

ก่อนหน้านี้แค่เพิ่งเริ่มต้น กันยายนนี้น่าจะเห็นอะไรที่ชัดเจนขึ้น หลังการประชุมของพรรคพลังประชารัฐ จะมีการเปิดตัวทั้งบุคคลและกลุ่มการเมืองที่เข้าร่วม ประเภทจำอวดกันก่อนหน้าก็จะแสดงตัวเข้าคอกให้เป็นเรื่องเป็นราว พร้อมวาทกรรมสวยหรูสร้างมูลค่าให้ตัวเองและกลุ่ม ขณะที่ท่านผู้นำก็เร่งประเมินความคุ้มค่าในการลงทุนเพื่อประกอบการตัดสินใจประกาศจุดยืนอันยิ่งใหญ่