พาราสาวะถี

ดูจากการจัดทัพกับกระแสปรับครม. ไม่ได้สะท้อนนัยทางการเมืองของฝ่ายบริหารแต่อย่างใด หากแต่เป้าหมายใหญ่อยู่ที่การวางตัวคนไปลุยการเมืองเพื่อการเลือกตั้งอย่างเต็มตัว การสงวนท่าทีของคนใกล้ตัว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะเป็น “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ “เพื่อนรัก” พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ เรื่องที่จะไปต่อหรือไม่เป็นเพียงมารยาทเท่านั้น


อรชุน

ดูจากการจัดทัพกับกระแสปรับครม. ไม่ได้สะท้อนนัยทางการเมืองของฝ่ายบริหารแต่อย่างใด หากแต่เป้าหมายใหญ่อยู่ที่การวางตัวคนไปลุยการเมืองเพื่อการเลือกตั้งอย่างเต็มตัว การสงวนท่าทีของคนใกล้ตัว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะเป็น “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ “เพื่อนรัก” พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ เรื่องที่จะไปต่อหรือไม่เป็นเพียงมารยาทเท่านั้น

รู้กันหมดแล้ว บิ๊กตู่ไม่มีวันเดินเดียวดายในการสืบทอดอำนาจ ไม่ว่าจะอย่างไรต้องเกี่ยวก้อยเอาพี่ใหญ่ผู้รู้ใจและเพื่อนรักที่ขาดไม่ได้ไปช่วยงานอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าการบริหารหลังเลือกตั้งสิ่งที่มีอยู่ในมือไม่ได้แค่เฉพาะคนจากแวดวงกองทัพและพวกวปอ.คอนเน็คชั่นเท่านั้น แต่จะมีนักการเมืองเข้ามาร่วมก๊วนอีกจำนวนไม่น้อย

เนื่องด้วยเป็นพวกเขี้ยวลากดิน การบริหารจัดสรรเก้าอี้แห่งอำนาจจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น การที่จะไปโชว์เดี่ยวในฐานะผู้มีพระคุณเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับการเล่นการเมืองในระบบรัฐสภา นั่นอาจจะเป็นการมองในระยะที่ยาวเกินไป เอาเฉพาะหน้าว่าจะเลือกตั้งกันได้ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีหน้านี้หรือไม่ พิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ คงไม่มีการยืดออกไปอีกแล้ว

เงื่อนเวลาดังกล่าวจะมีการโยนไปให้เป็นเรื่องของกกต. แต่ด้วยข้อเท็จจริงวันนี้รู้กันอยู่องค์กรอิสระที่กำกับดูแลการเลือกตั้งยังลงมือทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับฝ่ายรัฏฐาธิปัตย์มีความต้องการอย่างไร ฝ่ายเสือกระดาษมีหน้าที่จัดให้ตามนั้น ด้วยเหตุนี้ห้วงเวลาแห่งการหย่อนบัตรจึงถูกขีดไว้ในช่วงจังหวะดังกล่าว และน่าจะเป็นจังหวะที่ผู้มีอำนาจมั่นใจแล้วว่าอยู่ในสถานการณ์ที่กุมความได้เปรียบสุด ๆ

ส่วนสัญญาณของการสืบทอดอำนาจ วันวานถอดรหัสจากคำพูดของบิ๊กตู่ไปแล้ว วันนี้มีบทสัมภาษณ์ล่าสุดของ วิษณุ เครืองาม เนติบริกรประจำรัฐบาลถึงอนาคตทางการเมืองของผู้นำเผด็จการ ที่เป็นเบสิกรู้กันอยู่แล้วคือ ลงสมัครส.ส.ไม่ได้เพราะไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งภายใน 90 วันหลังจากที่รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้

จึงเหลือช่องทางที่จะไปต่อสำหรับผู้นำเผด็จการและเสนาบดีร่วมรัฐบาล ในส่วนที่กฎหมายไม่ได้บังคับคือการเป็นหัวหน้า กรรมการบริหารและประธานที่ปรึกษาพรรคการเมือง แต่นั่นไม่ใช่สาระหลักหากไปนั่งก็เป็นเพียงหัวโขนเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคการเมืองนั้น หรือเป็นนางกวักเพื่อเรียกให้นักการเมืองที่ยังรีรอไม่รับพลังดูดตัดสินใจได้ง่ายก็เท่านั้น

เป้าหมายสำคัญอยู่ที่ การจะกลับเข้าสู่เก้าอี้ผู้นำประเทศอย่างไร จะได้รับการเสนอชื่อเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตของพรรคการเมืองใดหรือไม่ หรือจะนั่งอยู่เฉย ๆ แล้วรอเทียบเชิญไปเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก ทั้งหมดนี้เนติบริกรยืนยันไม่มีข้อห้ามทางกฎหมายใด ๆ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองหลังการเลือกตั้งว่าจะคิดอ่านกันอย่างไร

ประเมินจากท่าทีของบริวารแวดล้อมท่านผู้นำ ผนวกเข้ากับความชัดเจนในด้านต่าง ๆ ที่เริ่มปรากฏขึ้นตามลำดับ ความจริงแทบจะไม่ต้องรอให้เกิดการคลายล็อกทางการเมืองหรือให้ร่างกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.หรือการได้มาซึ่งส.ว.ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเสียด้วยซ้ำ ทุกคนเห็นตรงกันจุดยืนทางการเมืองของบิ๊กตู่จะเป็นอย่างไร จะมีเพียงก็แค่เจ้าตัวเท่านั้นที่แกล้งทำมึน

ตกเป็นเป้าโจมตีตั้งแต่ปี่กลองทางการเมืองยังไม่เชิด พรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ถูก “แรมโบ้อีสาน” สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ยื่นร้องกกต.โคราชให้ตรวจสอบและเอาผิดกรณีมีว่าที่ผู้สมัครของพรรคไปรวบรวมเก็บบัตรประจำตัวประชาชนของอสม.ในพื้นที่อำเภอครบุรี โดยอ้างว่าเพื่อเตรียมการสำหรับสมัครเป็นสมาชิกพรรคหลังการคลายล็อก

ไม่เพียงเท่านั้นคนร้องยังสะกิดให้หัวหน้าพรรคและผู้ถูกร้องออกมาสาบานหากเห็นว่าสิ่งที่กล่าวหาไม่เป็นความจริง งานนี้เสี่ยหนูสบช่องจากการถอนคำสาบานต่อหน้าอนุสาวรีย์ “ย่าโม” ของแรมโบ้อีสานเมื่อไม่นานมานี้จากที่ประกาศวางมือทางการเมืองเป็นพลิกลิ้นกลับมาเล่นต่อและชัดเจนว่าเป็นพรรคพลังประชารัฐเสียด้วยว่า คนที่พูดจาพล่อย ๆ ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนเคารพนับถือ ไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง แล้วที่รับปากไว้กับประชาชน เชื่อได้อย่างไรว่าจะไม่หักหลังในภายหลัง

ถือเป็นความจริงที่หนีกันไม่ได้เถียงกันไม่ออก โดยเฉพาะกับผู้มีอำนาจที่คิดจะสืบทอดอำนาจ รับได้หรือกับนักการเมืองประเภทชักเข้าชักออก แม้แต่ความเคารพในตัวเอง ยึดมั่นในคำพูดของตัวเองยังทำไม่ได้ แล้วจะไปอาสาดูแลประชาชนได้อย่างไร และน่าจะเป็นนักการเมืองกลุ่มแรก ๆ เสียด้วยซ้ำที่คนคิดตั้งพรรคการเมืองไม่ควรนำมาร่วมงานด้วย

อย่างว่านั่นแหละ ด้วยการที่จะแสดงให้เห็นว่าการเดินต่อไปบนถนนสายอำนาจนั้น มีตัวแทนของกลุ่มความขัดแย้งทางการเมืองก่อนหน้านี้เห็นดีเห็นงามกับแนวทางของคณะเผด็จการด้วย จึงต้องไปกวาดต้อนกันมา โดยไม่เกรงข้อครหาหรือสนใจปูมหลังของใครหลาย ๆ คนว่าประชาชนให้ความศรัทธา เชื่อถือขนาดไหน

ถือเป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนของเผด็จการไม่ว่ายุคไหนสมัยใดที่คิดสืบทอดอำนาจคือ หวังใช้นักการเมืองมาเป็นฐานค้ำยันเพื่อให้เห็นว่าตัวเองเดินตามระบอบประชาธิปไตย ทั้ง ๆ ที่วิธีที่ใช้มันน้ำเน่าและสามานย์กว่าที่กล่าวหาคนอื่นยิ่งนัก ขณะที่ปลายทางก็ต้องไปวัดกันเอาว่าจะเกิดกระแสลุกฮือหรือแรงกระเพื่อมจนสั่นคลอนก้าวย่างที่จะไปกันต่อมากน้อยขนาดไหน

ฟากเพื่อไทยยืนยันจากปากรักษาการหัวหน้าและเลขาธิการพรรคทั้ง พลตำรวจโทวิโรจน์ เปาอินทร์ และ ภูมิธรรม เวชยชัย ทุกคนในพรรคสามารถก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคได้โดยไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นคนในตระกูลชินวัตรเท่านั้น นี่ก็แค่หลักการ แต่ความเป็นจริงสิ่งที่จะเห็นกันในอนาคตจะเป็นบทพิสูจน์คนชื่อทักษิณเปลี่ยนแนวทางในการรบหรือไม่ เพราะอดีตที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาแล้วว่าทำแบบเดิม เดินเกมแบบเดิม ผลลัพธ์ที่ได้ก็หนีไม่พ้นความเจ็บปวดแบบเดิม ๆ

Back to top button