ศาลอุทธรณ์สั่ง TFI ชดใช้คดีจำนำหุ้น 600 ลบ. ผบห.ยันตั้งสำรองฯ เต็มจำนวนแล้วใน Q3/50
ศาลอุทธรณ์สั่ง TFI ชดใช้คดีจำนำหุ้น 600 ลบ. ผบบห.ยันตั้งสำรองฯ เต็มจำนวนแล้วใน Q3/50
บริษัท ไทยฟิล์มอินดัสตรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TFI แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ตามที่บริษัทถูกธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งฟ้องคดีเป็นจำเลย ตามสัญญาจำนำหุ้นที่ออกให้ค้ำประกันแก่ บริษัทร่วม คือ บริษัท ไทยคอปเปอร์ อินดัสตรี่ จำกัด (มหาชน) วงเงิน 600 ล้านบาท สัญญาจำนำหุ้นทำเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2546 โดยระบุวันที่ครบกำหนด 4 ปี นับแต่วันที่สัญญาจำนำหุ้น เท่ากับสิ้นสุดภาระจำนำตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2550 แต่ปรากฏว่าภายหลังสัญญาจำนำสิ้นสุดแล้ว ธนาคารพาณิชย์แห่งนี้ กลับนำสัญญาจำนำดังกล่าวมาฟ้องบริษัท เป็น 2 คดี ดังนี้
- เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2551 ยื่นฟ้องกับศาลแพ่ง โดยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 ศาลได้พิพากษายกฟ้องบริษัท โจทก์มีการยื่นอุทธรณ์และบริษัทยื่นแก้อุทธรณ์ ต่อมาในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2560 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ โดยเห็นว่าสัญญาจำนำยังไม่ระงับสิ้นไป และให้บริษัทรับผิดเพียงเท่าที่บังคับจำนำได้ แต่ไม่เกิน 600 ล้านบาท โจทก์มีการยื่นฎีกา ปัจจุบันคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
- เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2552 ธนาคารพาณิชย์แห่งเดียวกัน ได้นำสัญญาจำนำฉบับเดียวกันกับที่ฟ้องคดีข้อ 1. ยื่นฟ้องกับศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้ำระหว่างประเทศกลางอีกหนึ่งคดี โดยเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2560 ศาลพิพากษาให้บริษัท ร่วมรับผิดเป็นเงิน 902.3 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 600 ล้านบาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ บริษัทได้ยื่นอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2560
สำหรับคดีที่ 2. ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้ำประกันระหว่างประเทศกลาง ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ได้อ่านคำพิพากษาแล้ว เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561 โดยศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยวินิจฉัยว่า “ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้ำระหว่างประเทศกลางก็ไม่ได้วินิจฉัยให้จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดเกินไปกว่าทรัพย์จำนำ”
ทั้งนี้จากผลคำพิพากษาดังกล่าวบริษัทรับผิดชอบเท่าที่บังคับจำนำหุ้นได้เท่านั้น ซึ่งหุ้นที่จำนำบริษัทได้ตั้งสำรองค่าเผื่อการด้อยค่าของเงินลงทุนจำนวน 1,519 ล้านบาทไว้เต็มจำนวนแล้ว ตั้งแต่งบการเงินไตรมาส 3/50
ขณะที่การดำเนินการในชั้นฎีกา ทนายความของบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณา และหากคดีมีความคืบหน้าประการใดจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง