สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 10 ก.ย. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุดทางการจีนประกาศความพร้อมที่จะตอบโต้ทันที หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,857.07 จุด ลดลง 59.47 จุด หรือ -0.23% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,924.16 จุด เพิ่มขึ้น 21.62 จุด หรือ +0.27% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,877.13 จุด เพิ่มขึ้น 5.45 จุด หรือ +0.19%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า อังกฤษจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับการแยกตัวออกจาก EU (Brexit) ภายใน 6-8 สัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า และความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในสวีเดนส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.4% ปิดที่ 375.51 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,986.34 จุด เพิ่มขึ้น 26.71 จุด หรือ +0.22% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,269.63 จุด เพิ่มขึ้น 17.41 จุด หรือ +0.33% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,279.30 จุด เพิ่มขึ้น 1.60 จุด หรือ +0.02%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า ขานรับความหวังที่ว่า อังกฤษจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับการแยกตัวออกจาก EU (Brexit) ภายใน 6-8 สัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สกัดแรงบวกของตลาดในระหว่างวัน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,279.30 จุด เพิ่มขึ้น 1.60 จุด หรือ +0.02%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) จากความกังวลที่ว่าพายุเฮอร์ริเคน “ฟลอเรนซ์” ที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกจะส่งผลกระทบต่อความต้องการพลังงานในแถบอีสต์โคสต์ของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งการคาดการณ์เกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่ลดลงจากอิหร่านจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 21 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 67.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 77.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนทองคำในระหว่างวัน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 60 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 1,199.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.1 เซนต์ หรือ 0.08% ปิดที่ 14.181 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 9.6 ดอลลาร์ หรือ 1.23% ปิดที่ 790 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4.20 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 964.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินปอนด์และยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) ขานรับความหวังที่ว่า อังกฤษจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับการแยกตัวออกจาก EU (Brexit) ภายใน 6-8 สัปดาห์นี้
เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.3028 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2924 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.1596 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1566 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7110 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7109 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.21 เยน จากระดับ 111.05 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9748 ฟรังก์ จากระดับ 0.9687 ฟรังก์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3157 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3172 ดอลลาร์สหรัฐ