สังคมข่าวหุ้น

นิวส์เวฟ

* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,679.39 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 6.97 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 5.9 หมื่นล้านบาท

* ปรับอารมณ์ตามไม่ทันจริง ๆ กับภาวะตลาดหุ้นไทย วันอังคารดิ่งแรงแบบหลายคนไม่ทันเคลื่อนไหว ขณะที่เมื่อวานภาคเช้าอยู่ในแดนลบ แต่พอเข้าภาคบ่ายหุ้นใหญ่พลิกฟื้นตัวบวกกับมีรายการบิ๊กล็อตใหญ่มูลค่าระดับหมื่นล้านบาทของ GLAND เข้ามาเสริมทัพ เลยทำให้เซนติเมนต์ตลาดหุ้นไทยหวนมาดูดี (ชั่วคราว) และสุดท้ายปิดตลาดในแดนบวกที่ 1,679.39 จุด

* อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยที่กลับมาบวกเขียวได้รอบนี้นับเป็นเพียงการรีบาวด์ทางเทคนิคเท่านั้น ไม่ใช่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาช่วยกระตุ้น ที่สำคัญ 3 หุ้นใหญ่ที่มีผลต่อ SET ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ยังเต็มไปด้วยปัจจัยลบคอยกดดันทั้งสิ้น เริ่มจากพี่ใหญ่ PTT ล่าสุดมีประเด็นการเมืองกลับมาป่วนอีกครั้ง (โดนทุกปี) ต่อด้วย AOT ยังคงคลุมเครือกับความกังวลตัวเลขผู้โดยสารที่เริ่มส่งสัญญาณเติบโตแบบชะลอตัวให้เห็น และ CPALL ที่คาดการณ์ได้ยากมากกับทิศทางงบไตรมาส 3 จะกลับมาฟื้นตัวได้จริงอย่างที่ตลาด (พยายาม) คาดหวังไว้หรือไม่ ? จึงมีความเป็นไปได้ในกรณีที่มีปัจจัยลบเข้ามาหลอนตลาดหุ้นอีกรอบ ทั้ง 3 หุ้นใหญ่ที่ว่ามา อาจพร้อมกันกอดคอลดลงตามแรงขายลดความเสี่ยงและกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง ดังนั้น ในตอนนี้จึงยังไม่ใช่เวลาน่าลงทุนในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่

* หุ้น CPN ปิดฉากจบประเด็นข่าวเข้าซื้อหุ้น GLAND เรียบร้อยเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในดีลลงทุนที่เดินหน้าว่องไวมาก เปิดมาช่วงเช้าขอขึ้นเครื่องหมาย H (Halt) แล้วประกาศซื้อหุ้นเป็นทางการช่วงบ่ายโมงครึ่ง จากนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ ปลด H ให้กลับมาซื้อขายได้ตามปกติ แล้วถึงได้เริ่มต้นโยนบิ๊กล็อตช่วงภาคบ่ายออกมาทั้งหมด 35 รายการ รวม 3,278 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 3.10 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 10,162 ล้านบาท ทุกอย่างจบเบ็ดเสร็จลงภายในหนึ่งวัน ไม่มีดึงเกมล่าช้าให้นักลงทุนต้องรู้สึกหงุดหงิดหัวใจ

* หลังทำรายการไปแล้วผลที่ตามมาทาง CPN ได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน GLAND จำนวน 50% ทันที โดยส่งบริษัทลูก “ซีพีเอ็น พัทยา” เป็นผู้ทำรายการซื้อหุ้น โดยจากนี้ไปจุดที่น่าสนใจต่อไป คือ ต้องจับตาดูฝั่ง CPN เป็นหลักทั้งในเชิงพื้นฐานและราคาหุ้น โดยในแง่พื้นฐานน่าติดตามว่า CPN จะใช้ดีลลงทุน GLAND นี่ต่อยอดจิ๊กซอว์ธุรกิจและรีดศักยภาพออกมาได้สูงสุดแบบใด ส่วนเรื่องเงินลงทุน ระดับ CPN อยู่แล้วไม่มีปัญหาติดขัด เพราะ D/E ปัจจุบัน (สิ้นไตรมาส 2) ยังต่ำไม่ถึง 1 เท่า ทำให้สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้อีกเพียบ และยังมีเงินสดในมือเสียอีก ขณะที่เชิงราคาหุ้นอันนี้ยิ่งน่าติดตาม เพราะเมื่อได้ปัจจัยบวกเข้าซื้อ GLAND เข้ามาชัดเจน เมื่อผสานกับข่าวดี (ที่ยังไม่สะท้อนราคาในกระดาน)  คือ การเปิดตัว “เซ็นทรัล ภูเก็ต”  ซึ่งถือเป็นพื้นที่ทำเลทองที่มีกำลังซื้อสูงมาก จึงช่วยผลักดันให้ภาพธุรกิจครึ่งปีหลังของบริษัทกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง

* หุ้น DTAC ย้ำกับนักลงทุนช่วงที่ผ่านมาเสมอว่า เป็นหุ้นที่ยังไม่ถึงเวลาลงทุน แม้ราคาจะลดลงไปมากแล้วก็ตาม เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่มาก ซึ่งข่าวลบล่าสุดหนีไม่พ้นกรณี “กสทช. มีมติไม่เยียวยาคลื่น 850 MHz” ด้วยคะแนนเสียง 4 ต่อ 2 ส่งผลให้ภาพรวมทั้งตลาดพร้อมใจสาดขายหุ้นออกมาทั้งกระดาน

* พร้อมกับฉุดราคาหุ้นดิ่งลงจุดต่ำสุดของวันที่ 39 บาท และปิดตลาดที่ 41.50 บาท เท่ากับลดลงแรงกว่า 5%  งานนี้ แรงเทขายดูแล้วยังไม่มีทีท่าจะจบสิ้น เพราะในเมื่อทุกอย่างยังไม่ความชัดเจนและยากจะคาดเดาบทสรุปล่วงหน้า (แบบ 100%) ทำให้ราคาหุ้น DTAC ยังคงปั่นป่วน ใครที่มีหุ้นอยู่ในมือขอให้รีบพิจารณาโดยด่วนว่าจะเอายังไงต่อไป

* ปิดท้ายด้วยหุ้น WICE ภาพของพื้นฐานกลับมาสดใส เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นธุรกิจเต็มรูปแบบ ส่งผลให้มีลูกค้าใช้บริการกับทางบริษัทเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน เมื่อบวกกับการซื้อกิจการในช่วงที่ผ่านมาทั้ง “UWT-SEL” จะเริ่มสะท้อนผลบวกได้เต็มที่แล้ว ขณะที่ฐานราคาหุ้นเริ่มทยอยไต่ระดับขึ้นมาแข็งแกร่ง จนยืนเหนือระดับ 4.60 บาท ไว้ได้ ถือเป็นหนึ่งในหุ้นเด่นที่น่าสนใจไม่เบาและขอฝากให้นักลงทุนพิจารณากันดู *