MCOT เรตติ้งยังไม่ดีพอกลับมาฟื้นตัวสัมปทานหดหาย กำไรยังไม่น่าลงทุน
MCOT เรตติ้งยังไม่ดีพอหนุนรายกลับมาฟื้นตัว ขณะที่เร่งลงทุนหนักใน content และรายได้สัมปทานจากทรูวิชั่นยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องหลังมีใบอนุญาตทำเองแล้ว กดดันผลประกอบการช่วงที่เหลือของปี โดยหวังการฟื้นตัวได้เพียงใน Q4/58
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (12 มิ.ย.) ว่า เรตติ้งทั่วประเทศของช่อง 9 ในเดือน พ.ค. 58 อยู่ที่ 0.236 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 0.225 ในเดือน มี.ค.58 (แซงช่อง One กลับมาอยู่อันดับที่ 6) เป็นผลจากการปรับผังรายการตั้งแต่เดือน มี.ค 58 บวกกับการใช้สื่อวิทยุ (62 สถานีทั่วประเทศ) ช่วยประชาสัมพันธ์รายการในสื่อทีวีช่อง 9
อย่างไรก็ตามเรตติ้งยังไม่สูงพอที่จะหนุนให้รายได้สื่อทีวีในช่วง เม.ย.-พ.ค. ฟื้นตัวจากไตรมาส 1/58 ประกอบกับรายได้สัมปทานหดหายหลังจาก TrueVision ทยอยโอนย้ายลูกค้าไปบริษัทย่อยอีกแห่งที่ได้ใบอนุญาตธุรกิจทีวีบอกรับสมาชิก ทำให้กำไรไตรมาส 2/58 มีแนวโน้มทรงตัว จากไตรมาสก่อน (แต่ลดลงจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน)
รายได้งวดครึ่งปีหลังของปี 58 มีแนวโน้มดีกว่างวดครึ่งปีแรกของปี 58 เล็กน้อย เนื่องจากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT เตรียมลงนามในสัญญากับผู้เช่าใช้โครงข่ายเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย (คาดจะสร้างรายได้ปีละ 48 ล้านบาท) ขณะที่เตรียมลงทุน content เพิ่มด้วยงบลงทุน 400 ล้านบาท หากเรตติ้งดีขึ้นคาดจะทำให้รายได้ฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4/58 ซึ่งเป็นฤดูกาลเม็ดเงินโฆษณา
อย่างไรก็ตาม คาดจะถูกหักล้างบางส่วนกับรายสัมปทานทยอยหดหาย และต้นทุนมีแนวโน้มสูงขึ้นจากการเพิ่มการลงทุนใน content รวมทั้งไตรมาส 4 ของทุกปีมักมีค่าใช้จ่ายขายและบริหารที่สูงกว่าปกติ กดดันกำไรช่วงครึ่งปีหลัง ฟื้นไม่มาก ทั้งนี้หากเรตติ้งไม่ดีพอที่จะหนุนการฟื้นตัวไตรมาส 4/58 กำไรทั้งปีมีโอกาสต่ำกว่าประมาณการซึ่งอยู่ที่ 275 ล้านบาท ลดลง 45.4% จากปีก่อนก่อนที่จะเพิ่มขึ้นราว 5% ในปีหน้าหากเรตติ้งดีขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทพยายามหารายได้เพิ่มเติม โดยอยู่ระหว่างศึกษาแผนลงทุนธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ จากที่ดินที่มีอยู่ 50 ไร่ที่ถนนพระราม 9 ซึ่งเฟสแรกมีแผนจะสร้าง mini office 22 ยูนิต (พื้นที่ใช้สอย 800 ตร.ม ต่อยูนิต) ซึ่งฝ่ายวิจัยจะติดตามมีความคืบหน้าที่ความชัดเจนอย่างใกล้ชิดและนำเสนอต่อไป
ด้วยแนวโน้มผลประกอบการยังไม่สดใสและอยู่ในระหว่างการปรับตัว ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ “ขาย” มูลค่าพื้นฐานอยู่ที่ 12 บาท ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน ซึ่งมี PER ปี 58-59 สูงราว 30 เท่า