“โอสถสภา” วางราคาขาย IPO ที่ 22-25 บ. คาดสรุปผลต้นต.ค.นี้

"โอสถสภา" หรือ OSP ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค วางช่วงราคาขาย IPO 603.75 ล้านหุ้น ที่ 22-25 บ./หุ้น คาดสรุปผลต้นต.ค.นี้ เล็งเทรด SET 17 ต.ค.61 โดยมี บล.บัวหลวง-บล.ภัทร เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP จะเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 603.75 ล้านหุ้น แบ่งเป็น หุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯจำนวนไม่เกิน 506.75 ล้านหุ้น , หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย ORIZON LIMITED ไม่เกิน 67 ล้านหุ้น  และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Y INVESTMENT LTD ไม่เกิน 30 ล้านหุ้น โดยกำหนดช่วงราคาเสนอขาย IPO ที่ 22-25 บาท/หุ้น มูลค่าการเสนอขาย 13,282,500,000 – 15,093,750,000 บาท

โดยบริษัทกำหนดสัดส่วนการเสนอขายหุ้นให้กับผู้ลงทุนในประเทศจำนวนรวม 392.25 ล้านหุ้น คิดเป็น 65% แบ่งเป็น บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 24.2% ,ผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ 34.5% , ผู้มีอุปการคุณของบริษัท 3% , บุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัท (กรรมการและผู้บริหาร) 0.5% และพนักงานของบริษัท 2.7%  ขณะที่กำหนดสัดส่วนการเสนอขายหุ้นให้กับผู้ลงทุนในต่างประเทศผ่านผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้นในต่างประเทศจำนวนรวมประมาณ 211.5 ล้านหุ้น คิดเป็น 35%

ทั้งนี้ กำหนดระยะเวลาจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 1-4 ตุลาคม 2561  สำหรับบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ พนักงานของบริษัทฯ และบุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัทฯ ซึ่งเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทฯ และจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 8-10 ตุลาคม 2561  สำหรับผู้ลงทุนสถาบัน (รวมถึงผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ในประเทศไทย  ผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้นในต่างประเทศ และผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ต่างประเทศ โดยมีผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นในครั้งนี้ คือ บล.บัวหลวง และบล.ภัทร

ด้าน บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า คาดว่าจะเคาะสรุปราคาเสนอขายหุ้น IPO ของ “โอสถสภา” ได้ในช่วงต้นเดือนตุลาคม และคาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 17 ตุลาคม 2561

อนึ่ง บริษัท โอสถสภา ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และธุรกิจให้บริการผลิตสินค้า บรรจุภัณฑ์ และจัดจำหน่ายสินค้า

วัตถุประสงค์การใช้เงิน 1. เงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงการผลิต การจัดจำหน่ายสินค้า การปรับปรุงประสิทธิภาพสินค้า และการดำเนินธุรกิจภายในของบริษัทฯ ได้แก่ การก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ในเมียนมา คาดว่าจะใช้เงิน 2,424 ล้านบาท, การสร้างเตาหลอมแก้วใหม่ที่โรงงานผลิตขวดแก้วของบริษัทฯ จำนวนเงินที่ใช้ประมาณ 1,800 ล้านบาท, การก่อสร้างโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลประเภทแป้งแห่งใหม่ จำนวนเงินที่ใช้ประมาณ 167.3 ล้านบาท และโครงการอื่น ๆ รวมถึง การซ่อมบำรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ รายจ่ายฝ่ายทุนในกระบวนการผลิตขวดแก้วให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การปรับปรุงที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และโรงงานต้นแบบที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อทดสอบคุณภาพ จำนวนเงินที่ใช้ประมาณ 1,002.7 ล้านบาท  รวมใช้เงินประมาณ 5,394 ล้านบาท คาดว่าจะใช้เงินในช่วงปี 2561-2562

  1. ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 5,408.4 – 5,700.0 ล้านบาท ระยะเวลาที่ใช้เงินประมาณปี 2561 และ 3. เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทฯ คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 0 – 1,198.2 ล้านบาท ระยะเวลาที่ใช้เงินประมาณปี 2561-2562

Back to top button