ดู SABINA คิดถึง BEAUTY

ทำเอา “เม่าปีกไหม้” กันยกฝูง..เมื่อจู่ ๆ “วิโรจน์ ธนาลงกรณ์” ผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่งบริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เทขายหุ้นล็อตใหญ่ 100 ล้านหุ้น หรือ 28.78% ราคา 25 บาท (ราคากระดานวันก่อน 34 บาท) รวมมูลค่า 2,500 ล้านบาท..นั่นจึงทำให้หุ้น SABINA จึงดิ่งนรก..!! อย่างไม่ต้องสงสัย..!!??


สำนักข่าวรัชดา

ทำเอา “เม่าปีกไหม้” กันยกฝูง..เมื่อจู่ ๆ “วิโรจน์ ธนาลงกรณ์” ผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่งบริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เทขายหุ้นล็อตใหญ่ 100 ล้านหุ้น หรือ 28.78% ราคา 25 บาท (ราคากระดานวันก่อน 34 บาท) รวมมูลค่า 2,500 ล้านบาท..นั่นจึงทำให้หุ้น SABINA จึงดิ่งนรก..!! อย่างไม่ต้องสงสัย..!!??

การขายหุ้นครั้งนี้ “วิโรจน์” อ้างเหตุผลว่า “เพื่อเพิ่มสภาพคล่องหุ้น SABINA รวมถึงเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันที่มีคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดเสถียรภาพราคาหุ้นมากยิ่งขึ้น”

จากเหตุผลไม่ได้ทำให้ตื่นเต้นอะไรมากนัก..ด้วยที่ผ่านมา เวลาผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นแบบยกล็อตเมื่อไหร่..!? คำว่า “เพิ่มสภาพคล่อง-สร้างเสถียรภาพราคาหุ้น” เป็นข้ออ้างที่ใช้กันมาเสมอ ๆ

มีหลายรายเทขายหุ้นจนเหลือไม่ถึง 30-40% ยังอ้างเรื่อง “เพิ่มสภาพคล่อง-สร้างเสถียรภาพราคาหุ้น” อยู่เลย ทั้งที่ราคากระดานรูดต่ำลง..จนหลายกรณีหาทางกลับบ้านไม่เจอ..ก็มีให้เห็นอยู่เป็นระยะ ๆ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา..!!

สิ่งที่เห็นคือผู้ถือหุ้นใหญ่ “นั่งซดหูฉลาม” ในภัตตาคารหรู..ส่วนรายย่อยต้องไปหา “กระเพาะปลา” กินแถวฟุตบาทกันไปตามมีตามเกิด..!!??

ว่ากันด้วยเรื่องเพิ่มสภาพคล่องหุ้น SABINA อดตั้งคำถามไม่ได้อีกเช่นกันว่า “เพิ่มสภาพคล่อง” จริงหรือ..!? เสมือนว่าหุ้นเปลี่ยนมือจาก “ผู้ถือหุ้นใหญ่” ไปสู่ “กองทุน” เท่านั้นเอง คงต้องพิสูจน์กันละว่าการขายหุ้น 28.78% ครั้งนี้ จะทำให้ “มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน” ก้าวข้ามผ่านระดับ 10 ล้านบาทได้หรือไม่..!!?

แน่นอนว่า..ปัจจัยพื้นฐาน SABINA ถือว่าเป็น “หุ้นพื้นฐานดี” ตัวหนึ่งเลยทีเดียว..ดูได้จากงบการเงินตลอดช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา กำไรมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง..!!

แต่..สิ่งที่นักลงทุนกังวลมากสุดตอนนี้…คือ “วิโรจน์ ธนาลงกรณ์” จะขายหุ้นออกมาอีกหรือไม่..!? หลังจากมี “ภาพจำ” ที่ไม่สู้ดีนัก กลัวจะซ้ำรอยกับกรณีบริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ก่อนหน้านี้หรือไม่..เอ้า..เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนลองดูเป็นกรณีตัวอย่างจาก BEAUTY ละกัน..!!

หุ้น BEAUTY เริ่มเข้าเทรดวันที่ 12 ธ.ค. 2555 มีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ “กลุ่ม นพ.สุวิน ไกรภูเบศ” ประกอบด้วยบุคคล 7 ราย ถือหุ้นรวมกัน 70.83% หลังเข้าซื้อขายเพียง 1 ปี สัดส่วนถือหุ้น “กลุ่ม นพ.สุวิน ไกรภูเบศ” ลดลงเหลือ 68.33% ณ สิ้นปี 2556 จากการขายหุ้นทั้งหมดของนางชญาน์ณัณท์ เขื่อนพันธ์

จากนั้นสิ้นปี 2557 “กลุ่ม นพ.สุวิน ไกรภูเบศ” สัดส่วนถือหุ้นลดเหลือ 48.56% จากการขายหุ้นของนางธัญญาภรณ์ ไกรภูเบศ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 (ช่วงขณะนั้น) ออกมาถึง 11.41% และผู้ถือหุ้นใหญ่อื่น ๆ ในกลุ่มรวม 8.36%

ถัดมาสิ้นปี 2558  “กลุ่ม นพ.สุวิน ไกรภูเบศ” เหลือสัดส่วนถือหุ้นเพียง 37.59% จากการขายหุ้นของ นพ.สุวิน ไกรภูเบศ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ออกมาถึง 8.2% และผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่นในกลุ่ม 2.77%

ไม่จบแค่นั้นสิ้นปี 2560 “กลุ่ม นพ.สุวิน ไกรภูเบศ” เหลือผู้ถือหุ้นเพียง 2 ราย สัดส่วนถือหุ้นรวม 25.91% แบ่งเป็น นพ.สุวิน ไกรภูเบศ ถือหุ้น 17.45% และนางธัญญาภรณ์ ไกรภูเบศ 8.46%

ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2561 นพ.สุวิน ไกรภูเบศ และนางธัญญาภรณ์ ไกรภูเบศ ขายหุ้นอีก 4.66% มูลค่ากว่า 2,632 ล้านบาท หลังจากขายหุ้น นพ.สุวิน ไกรภูเบศ และนางธัญญาภรณ์ ไกรภูเบศ ถือหุ้นสัดส่วนรวมกัน 21.23%

ณ ตอนนี้คงเร็วเกินไปที่จะบอกว่า SABINA จะซ้ำรอย BEAUTY หรือไม่..และด้วยความเคารพไม่ได้สรุปว่า กรณี BEAUTY ทำผิดหรือไม่ผิด..เพราะเป็นเอกสิทธิ์ที่ผู้ถือหุ้นทุกคนพึงทำได้..เพียงแต่ให้เห็นพอเป็นตัวอย่าง ให้ลองเอาไปขบคิดกันเท่านั้นเอง…!??

…อิ อิ อิ…

Back to top button